แท็กซี่ไทยในปัจจุบัน กับการใช้บริการคนไทย และข้ออ้างไม่รับผู้โดยสาร

การเดินทางในกรุงเทพมหานครทุกวันนี้นั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายดาย เนื่องจากมีการคมนาคมขนส่งที่สะดวกและรวดเร็วต่อผู้ที่สัญจรไปมาระหว่างเมือง โดยมีรถรับส่งสาธารณะอย่างรถประจำทาง รถไฟฟ้า รวมถึงรถไฟใต้ดินไว้คอยให้บริการกันแทบทุกสิ้นทาง และนอกจากที่กล่าวมานี้ยังมีรถแท็กซี่ที่คอยให้บริการกับคนที่ไม่ชอบเดินทางด้วยรถโดยสารที่มีคนเบียดเสียดแน่นหนา และสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย อีกทั้งยังนั่งเพียงต่อเดียวถึงจุดหมายเลยโดยไม่ต้องต่อรถประจำทางหลายสายให้ปวดหัว แต่ในไม่ถึงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานั้นมีผู้ใช้ยูทูปรายหนึ่งได้ลงคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการเรียกแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ให้ไปเที่ยวชมในเมือง โดยแท็กซี่คันนั้นได้คิดราคาเกินจริงและไม่กดมิเตอร์ ทำให้เกิดเป็นข้อถกเถียงกันอย่างเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกโซเชียล  ซึ่งส่วนใหญ่แท็กซี่นั้นจะเลือกรับเฉพาะชาวต่างชาติ โดยมีเหตุผลในการอ้างถึงเรื่องต่าง ๆ เมื่อคนไทยเรียกรถแท็กซี่ดังนี้คือ

  1. ส่งรถ ซึ่งข้ออ้างนี้เป็นข้อฮอตฮิตของเหล่าบรรดาแท็กซี่ทั้งหลาย ที่เมื่อเจอปัญหารถติดและไม่ต้องการไปในบริเวณนั้น ส่วนมากจะอ้างถึงปัญหาการไปส่งรถไม่ทันหรือส่งรถล่าช้าจะทำให้โดนปรับได้ จะพบกับแท็กซี่ที่ขับบริเวณในตัวเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเวลาบ่ายสามโมงเป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โรงเรียนเลิก และพนักงานกำลังเดินทางกลับบ้านนั่นเอง
  2. แก๊สหมด ซึ่งปัญหาแก๊สหมดของแท็กซี่นั้นยังคงมีให้เห็นทุกวัน บางคนนั้นเรียกถึงสามสี่คันกว่าจะมีแท็กซี่บางคันยอมไปให้ หรือมีบางคานที่ผู้โดยสารคะยั้นคะยอมากก็ยอมไปให้ แต่ก็ไปแวะเติมก๊าซที่ปั๊มเป็นเวลานานทั้งที่ยังกดมิเตอร์ให้ขึ้นไว้อยู่
  3. ไปคนละทาง ซึ่งข้ออ้างนี้จะใช้อ้างบ่อยในเวลากลางคืน เนื่องจากคนขับแท็กซี่นั้นจะอ้างว่าต้องการกลับบ้านและทางที่ผู้โดยสารต้องการไปนั้นอยู่คนละทางกัน จึงไม่สามารถไปให้ได้ แต่หากผู้โดยสารต้องการไปจริง ๆ นั้น จะคิดเป็นอัตราเหมาจ่ายไม่กดมิเตอร์ ซึ่งการเหมาจ่ายนั้นมีราคาสูงมากกว่าการกดมิเตอร์มากกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว

ซึ่งนอกจากที่แท็กซี่จะให้บริการชาวไทยด้วยกันแบบนี้แล้วนั้น ยังเลือกให้บริการชาวต่างชาติมากกว่า อีกทั้งไม่มีการกดมิเตอร์แต่จะเป็นการเหมาจ่าย ไม่ว่าจะเป็นการเหมาไปตามสถานที่ต่าง ๆ หรือแม้แต่เหมาเป็นรายวันเพื่อเที่ยวชมในเมืองกรุง ซึ่งมีราคาที่แพงกว่าการกดมิเตอร์มากกว่าสามถึงห้าเท่าเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้แท็กซี่ที่ทำงานด้วยใจและประกอบอาชีพด้วยความซื่อตรงยังมีอีกมาก ขึ้นอยู่กับดวงของผู้โดยสารด้วยว่าจะไปเจอกับแท็กซี่คันไหน ดังนั้นหากเรียกแท็กซี่แล้วไม่ไป หรือมีการเรียกเก็บเงินที่แพงกว่าราคามาตรฐาน หรือไม่กดมิเตอร์ ควรเรียกคันใหม่จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

เครื่องบิน ทางเลือกการโดยสายที่ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ทันใจ

                การเดินทางโดยเครื่องบินไปยังสถานที่ต่าง ๆ ย่อมสร้างความสะดวกสบาย เพราะเพียงไม่กี่อึดใจ ทำให้เราสามารถข้ามน้ำ ข้ามทวีปไปยังอีกประเทศหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ คอยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสา รที่กำลังจะเดินทางไปท่องเที่ยว ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ไปทำงาน หรือไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ในต่างแดน หรือในต่างจังหวัด ให้สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย

การเดินทางโดยเครื่องบินถือเป็นรูปแบบการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดในทุกรูปแบบ หากเปรียบเทียบกับการเดินทางโดยรถยนต์ การเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ การเดินทางทางเรือ เพราะการเดินทางด้วยเครื่องบิน เป็นช่องทางที่ผู้ให้บริการจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ใช่ใครที่สามารถให้บริการได้ และกว่าที่ผู้โดยสารจะร่วมเดินทางได้ จะต้องผ่านมาตรการรักษาความปลอดภัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตรวจสิ่งของสัมภาระ ตรวจของที่พกติดตัวขึ้นเครื่องบิน เพื่อความปลอดภัยที่สูงที่สุดที่สายการบินจะให้บริการแก่ผู้โดยสารทุกคน

และไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถขับเครื่องบินได้ ผู้ที่สามารถขับเครื่องบินได้จะเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญ ที่ได้รับการฝึก อบรม เข้าสอบจนได้ใบรับรองมาแล้วเท่านั้น ดังนั้นจุดนี้จึงเป็นเครื่องรับประกันได้ว่า การเดินทางด้วยเครื่องบิน ปลอดภัยกว่าการเดินทางด้วยยานพาหนะอื่น ๆ เป็นที่สุด

Airlineratings.com เว็บไซต์จัดอันดับสายการบินทั่วโลกที่ ได้จัดอันดับสายการบินที่มีความปลอดภัย ประจำปี 2018 ไว้ดังนี้

AirlineRatings.com ที่คอยจัดอันดับการให้บริการของสายการบินต่าง ๆ ด้วยหลักความปลอดภัยในการบิน การรีวิวจากผู้โดยสาร อายุของสายการบิน ความมีประโยชน์ต่อส่วนร่วม การจัดการสิ่งแวดล้อม เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อสารการบินนั้น ๆ

Air New Zealand ของนิวซีแลนด์ที่ได้รับการโหวตให้เป็นอันดับ 1 ของสายการบินที่มีความปลอดภัย และเป็นสายการบินที่มีความปลอดภัยในระดับ 7 ดาว ติดต่อกัน 5 ปีซ้อน อีกทั้งยังมีผลประกอบการทางการเงินที่ยอดเยี่ยม มีนวัตกรรมที่ทันสมัยในการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาย และมีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

อันดับ 2 – 10 ได้แก่ Qantas Airways สายการบินประเทศออสเตรเลีย, Singapore Airlines สายการบินประเทศสิงคโปร์, Virgin Australia Airlines สายการบินประเทศออสเตรเลีย, Virgin Atlantic Airways สายการบินประเทศออสเตรเลีย, Etihad Airways สายการบินประเทศอาหรับเอมิเรตส์, All Nippon Airways (ANA) สายการบินประเทศญี่ปุ่น, Korean Air สายการบินประเทศเกาหลีใต้, Cathay Pacific สายการบินประเทศฮ่องกง, Japan Airlines สายการบินประเทศญี่ปุ่น

ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่มีสายการบินใดที่ติดร่วมอยู่ในอันดับของสายการบินที่ปลอดภัยที่สุดก็ตาม แต่เชื่อมั่นได้อย่างหนึ่งว่า การเดินทางโดยเครื่องบินของไทยเรานั้น ปลอดภัยกว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่น ๆ แน่นอน และสายการบินในประเทศไทยทุกสายการบิน ล้วนแล้วแต่มีนักบินมืออาชีพ ที่ได้รับการฝึกอบรม การสอบปฏิบัติมาเป็นอย่างดี ไม่แพ้ชาติใดในโลก

 

สิงคโปร์คว้าตำแหน่งอันดับ 1 สนามบินที่ดีที่สุดในโลกปี 2018

                ประกาศผลออกมาเรียบร้อยแล้ว สำหรับสนามบินที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งเชื่อว่านักท่องเที่ยวหรือคนที่เดินทางบ่อย ๆ คงจะทายถูกกันบ้าง เพราะสนามบินแห่งนี้เป็นสนามบินที่ครองแชมป์มาเป็นสมัยที่ 6 แล้ว กับสนามบินชางงีของประเทศสิงคโปร์ จากการจัดอันดับของ Skytrax สถาบันวิจัยบริการการบินชั้นนำของประเทศอังกฤษ ได้ใช้เกณฑ์การสำรวจความพึงพอใจของผู้โดยสารที่เดินทาง ตั้งแต่ความพอใจต่อสิ่งอำนวยความสะดวกในสนามบิน บริการเช็คอิน ความปลอดภัย ร้านค้าภายในสนามบิน การรอเปลี่ยนเครื่อง รวมถึงระบบการตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินนั้น ๆ ซึ่งสนามบินชางงีของประเทศสิงคโปร์มีคะแนนความพึงพอใจเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยอันดับ 2 คือสนามบินอินชอนของประเทศเกาหลีใต้ อันดับ 3 ท่าอากาศยานฮะเนะดะ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อันดับ 4 ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง อันดับ 5 ท่าอากาศยานานาชาติฮาหมัก ประเทศกาตาร์ อันดับ 6 ท่าอากาศยานมิวนิก ประเทศเยอรมนี อันดับ 7 ท่าอากาศยานนานาชาติชูบุเซ็นแทรร์ เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น อันดับ 8 ท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ ประเทศอังกฤษ อันดับ 9 ท่าอากาศยานซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และอันดับ 10 ท่าอากาศยานนานาชาติ แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี

รู้จักกับท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี

                ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี เป็นสนามบินนานาชาติหลักของประเทศสิงคโปร์ และเป็นสนามบินสำหรับประชาชนทั่วไปแห่งเดียวของประเทศ ถือเป็น Hub ของระบบการขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นสนามบินติดอันดับจำนวนผู้โดยสาร และสินค้าที่ผ่านการขนส่งมากที่สุดในโลก สนามบินแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 8,100 ไร่ ในย่านชางงีด้านตะวันออกสุดของเกาะสิงคโปร์ ห่างจากใจกลางเมืองสิงค์โปร์ 20 กิโลเมตร ซึ่งล่าสุดในปี 2017 ที่ผ่านมา สนามบินแห่งนี้ได้มีการเปิดตัวอาคารใหม่ ชื่อว่า The Jewel เป็นอาคารที่มีความทันสมัยรูปทรงโดนัทสูง 10 ชั้น ภายในประกอบไปด้วยสวนในร่ม ร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำ โรงแรม และน้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลกบนพื้นที่กว่า 13,000 ตารางเมตร

สนามบินสุวรรณภูมคว้าอันดับที่ 36

                สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิของประเทศไทยเราในปี 2018 ก็คว้าอันดับที่ 36 ไปครอง มีอันดับขึ้นมาจากอันดับ 38 ในปีที่แล้ว และก็ยังเป็นสนามบินที่ติดอันดับ 1 ใน 40 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งสนามบินสุวรรณภูมิของเราเคยติดอันดับ 10 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก อีกทั้งในปี 2015 สนามบินของไทยสนามบินนี้ยังเคยติดอันดับ 5 ในประเภทของสนามบินที่มีผู้โดยสาร 40-50 ล้านคนต่อปีอีกด้วย

ในปีต่อไปก็คงต้องติดตามกันว่าสนามบินชางงีของสิงคโปร์จะสามารถคว้าแชมป์ได้เป็นปีที่ 7 ติดต่อกันได้หรือไม่ หรือจะถูกสนามบินในอันดับ 2 3 อย่างสนามบินนานาชาติอินชอนของเกาหลีใต้ หรือสนามบินฮะเนะดะ ของญี่ปุ่นแซงขึ้นไปแทน ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิของเราจะได้รับการปรับปรุงและพัฒนา จนไต่อันดับขึ้นไปหรือกลับไปติดอันดับ 1 ใน 10 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลกได้หรือไม่ก็ต้องติดตามกันต่อไปเช่นกัน

โศกนาฏกรรมรถทัวร์ ความปลอดภัยสาธารณะที่ต้องดูแล

                จากข่าวคราวเหตุการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดขึ้นกับรถทัวร์ติด ๆ กัน ทำให้หลายคนมีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย เมื่อต้องใช้บริการรถทัวร์หรือรถบัสเดินทางไปทำธุระ หรือไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ เนื่องจากเหตุการณ์ทั้ง 2 เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

เหตุการณ์สะเทือนขวัญรถทัวร์ต้นปี 2018

                เรียกว่ายังไม่ผ่านช่วงกลางปีและยังไม่เริ่มเข้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วยซ้ำ แต่ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด โดยเฉพาะผู้ที่โดยสารรถทัวร์หรือรถบัสเป็นประจำ ซึ่งเหตุการณ์แรกในปีนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงและสร้างความสะเทือนใจให้กับคนในสังคมเป็นอย่างยิ่ง กับเหตุการณ์ที่คณะทัวร์ของชาวกาฬสินธุ์ ซึ่งผู้โดยสารที่เดินทางมากับรถบัสเป็นญาติกันทั้งหมด โดยอุบัติเหตุในครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 18 คน และผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก อุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดจากรถทัวร์นำเที่ยวคันดังกล่าวเบรกแตกบริเวณริมทางหลวงแผ่นดิน ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยอุบัติเหตุครั้งนี้รถทัวร์ได้พุ่งข้ามเกาะกลางไปชนต้นไม้และร้านค้าข้างทาง ส่วนคนขับได้หลบหนีไปหลังจากเกิดเหตุและได้เข้ามามอบตัวในภายหลัง ซึ่งจากการสำรวจสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้พบว่า รถทัวร์คันดังกล่าวไม่ได้วิ่งมาด้วยความเร็วเกินกำหนด แต่สาเหตุเกิดจากระบบห้ามล้อของรถทัวร์ชำรุด ประกอบกับบริเวณพื้นผิวถนนของจุดดังกล่าวมีความลาดชันและคดเคี้ยว ทำให้ไม่สามารถบังคับรถได้ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุในที่สุด

เหตุการณ์ซ้ำ 2 รถทัวร์ไฟไหม้

                หลังจากเหตุการณ์รถทัวร์นำเที่ยวเบรกแตกที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คนเพียงไม่ถึงสัปดาห์ ก็ได้เกิดอุบัติเหตุโศกนาฏกรรมรถทัวร์อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นรถทัวร์ที่ได้นำแรงงานต่างด้าวชาติพม่าเข้ามาต่อวีซ่าอายุทำงาน เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากรถทัวร์ไฟไหม้ โดยจุดเริ่มต้นของการลุกไหม้เกิดจากบริเวณห้องเก็บของชั้นล่างส่วนของรถ ติดกับตรงบันไดทางขึ้นชั้นบน ซึ่งเมื่อคนขับทราบก็รีบเปิดประตูฉุกเฉินให้ผู้โดยสารหนีออก แต่ก็ไม่ทัน ทำให้ผู้โดยสารส่วนหนึ่งสำลักควันไฟหมดสติ และถูกไฟคลอกเสียชีวิตบนรถ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 20 คน และมีผู้ที่หลบหนีรอดชีวิตออกมาจากรถได้ 27 คน

                ทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นบทเรียนราคาแพงที่ทำให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการขนส่ง ตัวคนขับเอง ต้องหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยของผู้โดยสารมาเป็นอันดับ 1 รวมถึงต้องเคร่งครัดปฏิบัติตามข้อกำหนดและข้อกฎหมายในทุก ๆ ข้อกำหนดเพื่อเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายและเป็นการป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ และการสูญเสียชีวิตเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำอีกเป็นอันขาด