“ขยะพิษ” เข้าไทยของนายทุนต่างชาติกับค่าตอบแทนมหาศาลแต่ชาวบ้านรับผลกระทบเต็ม ๆ

                เมื่อพูดถึงขยะพิษหลายคนอาจคิดถึงขยะจำพวกสารเคมีเช่น ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า รวมทั้งสารเคมีจากโรงงาน แต่ในปัจจุบันขยะพิษนั้นยังมีชิ้นส่วนทางอิเล็กทรอนิกส์ร่วมด้วย ซึ่งขยะพิษดังกล่าวเป็นสิ่งที่มีราคาสูงโดยเฉพาะการรับซื้อเป็นจำนวนมากจากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทต่างชาติมองเห็นถึงผลกำไรจากขยะราคาสูงที่สามารถนำมาขายต่อได้

การรับซื้อขยะทางอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากนั้นจะต้องถูกส่งต่อมายังประเทศปลายทางเพื่อทำการแยกชิ้นส่วน และส่งขายต่อไปอีกทีหนึ่งตามประเภท โดยการแยกชิ้นส่วนต้องทำด้วยมือจากแรงงานคน ส่งผลให้สารพิษสามารถเข้าสู่ร่างกายของแรงงานเหล่านั้นได้โดยง่าย อีกทั้งชิ้นส่วนของขยะบางส่วนที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้จะต้องถูกทำลายหรือปล่อยทิ้งไว้ให้ย่อยสลายตามธรรมชาติส่งผลให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักข่าวประเทศไทยได้รายงานว่าค้นพบโรงงานแยกขยะขนาดใหญ่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งภายในโรงงานนั้นเต็มไปด้วยชิ้นส่วนขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังถูกคัดแยกโดยคนงานจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยขยะพิษเหล่านี้ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนจากแผงวงจร โทรศัพท์มือถือ แบตเตอร์รี่และซีพียูจากคอมพิวเตอร์ ทางกรมมลพิษได้วัดค่าสารพิษพบว่าเกินกว่ามาตรฐานกำหนด สามารถส่งผลร้ายต่อร่างกายของผู้สูดดมให้พัฒนาไปถึงการเป็นมะเร็งได้ จากการสอบถามชาวบ้านโดยรอบพบว่าประสบกับปัญหาการสูดดมกลิ่มเหม็นจากการเผาสารเคมีของโรงงานแห่งนี้จนไม่สามารถเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ได้เพราะกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อเด็ก ๆ และผู้สูงอายุภายในบ้าน ซึ่งชาวบ้านได้ระบุอีกว่าตนได้ทำการร้องเรียนและยื่นเรื่องต่อตำรวจจากสน.ใกล้เคียงแต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากตำรวจตรวจได้แค่รอบโรงงานเท่านั้นไม่สามารถเข้าไปภายในได้

จนกระทั่งชาวบ้านทนมลพิษที่ต้องเผชิญทุกวันไม่ได้ จึงนำน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงส่งให้ห้องแล็ปเอกชนตรวจและพบว่าน้ำนั้นมีค่าตะกั่วและสารพิษอื่น ๆ เกินกว่าค่ามาตรฐาน หลังจากนั้นชาวบ้านจึงนำหลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมไว้ได้ส่งให้กรมมลพิษขอหมายศาลเข้าตรวจโรงงานแห่งนี้และพบว่าเจ้าของโรงงานเป็นคนไต้หวันที่รับซื้อขยะอิเล็กทรอนิกส์จากโรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลกมาพักไว้เพื่อแยกชิ้นส่วนที่ไทยโดยผ่านการขนส่งทางเรือในน่านน้ำไทย ซึ่งได้ให้การเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ขนส่งว่าเป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์จนสามารถผ่านการตรวจสอบเข้ามาได้

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นพิษเหล่านี้ก็คือสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชนโดยรอบที่ต้องทนอยู่กับสภาพแวดล้อมและอากาศที่เป็นพิษทำให้เกิดโรคเรื้อรังที่รักษาเป็นเวลานานก็ยังไม่หาย ดังนั้นเมื่อหน่วยงานทางภาครัฐได้รับการร้องเรียนเรื่องมลพิษจากชาวบ้านก็ควรเข้าไปตรวจสอบอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้มลพิษเหล่านั้นลุกลามเป็นวงกว้างจนคร่าชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก

 

กลับสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง ค่านิยมใหม่ของคนไทยรุ่นใหญ่วัยเกษียณ สุขใจไม่ไร้ค่า

นับว่าเป็นอีกปัญหาใหญ่ที่หลายประเทศกำลังประสบคือปัญหาการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรวัยเกษียณ ทำให้รัฐต้องสร้างนโยบายใหม่ ๆ เพื่อรองรับผู้สูงอายุเหล่านี้ให้สามารถอยู่ได้โดยไม่กระทบต่อลูกหลาน นอกจากนี้ยังมีเงินเกษียณจากบริษัทที่ตนเคยสังกัดอยู่สำหรับค่าครองชีพในวันที่หยุดทำงาน แต่ทว่าหลายคนได้นำเงินในอนาคตก้อนนี้ไปใช้ในการหักล้างหนี้ที่เคยได้ก่อเอาไว้ ส่งผลให้เงินใช้จ่ายประจำวันต้องลดน้อยลงไปและในที่สุดกลายเป็นภาระของลูกหลาน ซึ่งสิ่งที่รัฐควรจะสนับสนุนนั้นไม่ใช่การแจกเงินก้อนใหญ่แต่เป็นการสร้างอาชีพให้รุ่นใหญ่วัยเกษียณผู้ยังไม่หมดไฟได้มีเส้นทางรายได้และเห็นคุณค่าของตัวเองไม่ตกอยู่ในสภาวะเครียดหรือซึมเศร้า

เมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมากระทรวงแรงงานได้จัดตั้งศูนย์ลงทะเบียนสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการมีอาชีพ โดยมีผู้ลงทะเบียนกว่า 1,400 ราย และตำแหน่งงานว่างถึง 700 กว่าตำแหน่งทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน และมีผู้ได้บรรจุเข้าทำงานเป็นพนักงานประจำจำนวน 141 ราย สำหรับผู้ลงทะเบียนนั้นจะต้องเป็นผู้ที่เกษียณแล้วและมีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าอนุปริญญา ส่วนรายได้จากการทำงานคิดเป็นรายชั่วโมง ชั่วโมงละ 250 บาทและต้องทำงานให้ได้วันละ 3 ชั่วโมง ซึ่งอาชีพที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคืองานด้านการผลิต รองลงมาคืองานบริการ พนักงานธุรการ และนักแนะแนวสายต่าง ๆ

สำหรับปีนี้ทางภาครัฐก็ได้จัดกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุที่มีความสนใจต่อการสร้างอาชีพอีกเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์ได้จัดอบรมหลักสูตรการทำกาแฟเพื่อวัยเกษียณผู้ที่สนใจเรียนรู้เรื่องการเป็นบาริสต้ามืออาชีพ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจจำนวนกว่า 200 ราย ซึ่งผู้สนใจทั้งหมดนั้นมีอายุมากกว่า 60 ปี ภายในงานได้มีการจัดอบรมจากนักธุรกิจด้านกาแฟระดับ World Class ตั้งแต่วิธีการคั่วบดและชงกาแฟ ไปจนถึงการทำ Latte Art นอกจากนี้ยังมีการอบรมเรื่องการทำธุรกิจกาแฟให้กับผู้ที่มีความสนใจนำความรู้ที่ได้รับไปสานต่อเพื่อสร้างธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ โดยการอบรมนั้นมีตั้งแต่เทคนิคการบริหารงาน บริหารคน การจัดการ ไปจนถึงการทำความสะอาด นับว่าเป็นการเปิดโอกาสให้กับผู้สูงอายุที่มีความสนใจในอาชีพนี้ไม่ว่าจะเป็นการเป็นบาริสต้าหรือการสร้างธุรกิจกาแฟเป็นของตัวเอง

ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างนโยบายเพื่อให้ผู้คนอยู่ได้อย่างไม่ขัดสนนั้นไม่ใช่การแจกเงินแต่เป็นการสร้างอาชีพให้พวกเขาได้ฝึกทักษะและนำความสามารถนี้ไปใช้ให้เกิดรายได้ต่อการครองชีพของตนเอง สำหรับผู้สูงอายุแล้วการมีอาชีพรองรับในยามเกษียณไม่ใช่เพื่อรายได้เท่านั้นแต่ยังหมายถึงการสร้างคุณค่าให้ตัวเองถึงแม้จะอยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่ง นอกจากนี้ยังได้พบปะผู้คนพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อที่จะไม่รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า เป็นการสร้างความสุขในใจได้อย่างแท้จริง

 

ผลกระทบเรือล่มที่ภูเก็ตทำคนจีนขยาดไม่กล้ามาเที่ยวเมืองไทยจริงหรือไม่ ?

หลายปีมานี้กระแสการท่องเที่ยวเมืองไทยดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวค่อนข้างต่ำประกอบกับนิสัยใจคอของคนไทยส่วนใหญ่เป็นคนใจดีซึ่งเป็นที่ถูกใจของนักท่องเที่ยวจีน นอกจากนี้การมาเที่ยวไทยยังได้เที่ยวชมสถานที่สวย ๆ และยังได้ซื้อหาของที่ระลึกในราคาถูกอีกด้วย ซึ่งการมาของคนจีนบางคนนั้นก็ไม่ได้มาเพื่อการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการมาเพื่อมองหาลู่ทางทำเลเพื่อลงทุนทำธุรกิจในอนาคต แต่ทว่าการท่องเที่ยวนั้นก็ไม่ได้พบกับสิ่งสวยงามเสมอไปเพราะความประมาทอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้

ในช่วงเย็นของวันที่ 5 กรกฎาคม ได้เกิดเหตุการณ์เรือล่มกลางทะเลในบริเวณเกาะเฮ ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต ซึ่งเรือมีชื่อว่า “ฟีนิกซ์ พีซีไดฟ์วิ่ง” ถูกคลื่นซัดและจมหายไปพร้อมกับผู้โดยสารกว่า 100 ชีวิต โดยมีผู้ลอยคอขอความช่วยเหลือและผู้เสียชีวิตจำนวนมากซึ่งตามข่าวระบุว่าผู้โดยสารทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ในเวลาต่อมาทางการไทยสามารถช่วยชีวิตของผู้ลอยคอบางส่วนไว้ได้และทำการกู้ร่างของผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ภายในเรือเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์และส่งกลับสู่ประเทศบ้านเกิดต่อไป

เหตุการณ์และความสูญเสียดังกล่าว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหลายประเทศโดยเฉพาะชาวจีนเกิดความกลัวและไม่กล้ามาเที่ยวเมืองไทยอีก ทำให้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวต้องเร่งสำรวจและสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวเพื่อให้ไว้ใจและกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ตามข่าวระบุว่าช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของปีนี้เป็นช่วงที่ชาวจีนทั้งแบบที่วางแผนมาเที่ยวเองและแบบมากับทัวร์ได้ทำการยกเลิกทริปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากยังคงมีความวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางระหว่างทริปท่องเที่ยว

เป็นผลให้กระทรวงการท่องเที่ยวต้องกำชับกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์หรือแม้กระทั่งห้างร้านตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้ระวังและบริการนักท่องเที่ยวอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ชาวจีนเกิดความเชื่อมั่นและกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีก ซึ่งสิ่งที่เป็นนโยบายแรกก็คือการออกโรดโชว์ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ในประเทศจีนเพื่อเป็นการโฆษณาให้นักท่องเที่ยวไว้ใจและกลับมาจับจ่ายใช้สอยในเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง

ในฐานะคนไทยแบบเราที่เป็นเจ้าบ้าน สิ่งที่ทำได้ก็คือช่วยกันเป็นหูเป็นตาคอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวบ้านเราให้เกิดความสะดวกสบายและประทับใจในน้ำจิตน้ำใจของคนไทย ซึ่งสิ่งที่คนไทยทำได้ง่ายที่สุดคือการยิ้ม เนื่องจากบ้านเราได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งรอยยิ้ม ดังนั้นการยิ้มจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับการสร้างความประทับใจโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

 

เรื่องราวดี ๆ ของคนแปลกหน้าช่วยกันเปลี่ยนใจคนคิดสั้นที่พยายามฆ่าตัวตาย

การได้เห็นสังคมที่อุดมไปด้วยคนดีนั้นเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ควรเผยแพร่และบันทึกเอาไว้ให้เป็นตัวอย่างต่อสาธารณะชนทั่วไป โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มีการช่วยเหลือกันของคนแปลกหน้า เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน กำลังเดือดร้อนหรือเกิดความยากลำบาก จึงเข้าช่วยเหลือทันทีอย่างอัตโนมัติโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็นคนที่น่ายกย่อง หลายครั้งที่เราเห็นเหตุการณ์พยายามฆ่าตัวตายของคนที่สิ้นหวังกับชีวิต แต่ความโชคร้ายยังมีความโชคดี เพราะหลายครั้งที่มีพลเมืองดีผ่านมาและเข้าช่วยไว้ได้ทัน

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2018 ที่ผ่านมาที่รัฐมินเนโซตา ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันซึ่งชายคนหนึ่งพยายามจบชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดสะพาน แต่ในขณะนั้นได้มีพนักงานส่งเบียร์ขับรถผ่าน จึงทำการจอดรถและเข้าไปพูดคุย เพื่อให้ชายสิ้นหวังผู้นี้ได้ผ่อนคลายและใจเย็นลง ในระหว่างนั้นเองที่พนักงานส่งเบียร์อีกคนหนึ่งโทรแจ้งตำรวจ ซึ่งทางตำรวจก็ได้แนะนำให้พวกเขาพูดคุยยื้อเวลาเพื่อรอเจ้าหน้าที่ไปถึงสะพานดังกล่าว การพูดคุยกันครั้งนี้ทำให้ชายผู้นี้สงบลง ทางพนักงานส่งเบียร์จึงนำเบียร์จากกล่องที่อยู่ในรถมาเปิดให้เขาดื่ม และระหว่างนั้นเองที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าชาร์จเพื่อนำชายคนนี้ส่งโรงพยาบาล

สำหรับเมืองไทยเรื่องการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยจิตใจสาธารณะก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกเช่นกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ ปี 2016 โดยเกิดขึ้นที่บนสะพานพุทธฯ เมื่อหญิงสาวอายุราว ๆ 20 ปี ได้ทำการปีนขึ้นไปบนขอบสะพานเพื่อหวังกระโดดลงมาปลิดชีพตัวเองท่ามกลางสายตานับร้อยของประชาชนละแวกนั้น แต่โชคดีที่ตำรวจและพนักงานกวาดถนนไปพบเข้า จึงตัดสินใจเข้าไปช่วยพูดคุยไกล่เกลี่ยและให้กำลังใจ หลังจากนั้น 20 นาที สาวคนนี้ก็ลงมาจากขอบสะพานพร้อมร้องไห้และโผเข้ากอดพนักงานกวาดถนน โดยภาพและเรื่องราวนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปในโลกโซเชียลทำให้ผู้คนต่างพากันชื่นชมทั้งตำรวจและพนักงานกวาดถนนในฐานะพลเมืองดีที่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

อารมณ์ชั่ววูบจากความน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิตทำให้คนบางคนตัดสินในจบชีวิตตัวเองไปกับปัญหาที่แก้ไม่ตก แต่โชคดีที่ดวงยังไม่ถึงคาดทำให้พบเจอกับคนแปลกหน้าซึ่งเป็นพลเมืองดีที่คอยช่วยให้เขาเหล่านี้ได้สติกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ ดังนั้นไม่ว่าใครจะประสบพบเจอกับปัญหาประเภทใดก็ควรตระหนักไว้เสมอว่าชีวิตมีค่าและยังมีคนที่รักเราอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อรอให้เรากลับไปหาพวกเขาในวันที่เราไม่เหลือใคร

 

เมื่อเทคโนโลยีถูกใช้ผิดทาง กลายเป็นปมบาดหมางสร้างความขัดแย้งข้ามประเทศ

                เป็นที่ทราบกันดีว่าเทคโนโลยีหลายแขนงถูกสร้างมาเพื่อให้ชีวิตเราง่ายขึ้น เชื่อมต่อโลกในภูมิภาคต่าง ๆ ให้แคบลงทำให้ผู้คนได้มีโอกาสเห็นมุมมองที่แปลกใหม่จากดินแดนอื่นที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เทคโนโลยีทำให้ผู้คนที่อยู่ไกลกันได้ใกล้กันมากขึ้น ซึ่งคุณประโยชน์ของเทคโนโลยีสมัยใหม่นั้นมีมากมายจนไม่สามารถอภิปรายได้หมด

แต่ในทางกลับกันเหรียญนั้นมี 2 ด้าน เทคโนโลยีก็เช่นกัน ทั้งหมดทั้งมวลล้วนขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าใช้ในทางใด โดยเฉพาะกับคนที่นำเทคโนโลยีไปใช้ในทางที่ผิดทำให้ผลร้ายกระจายออกสู่สังคมในวงกว้างดังเช่นข่าวต่อไปนี้

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2555 ได้มีการบุกทำลายและเผาสถานทูตของสหรัฐอเมริกาหลายแห่งทั่วโลก ส่งผลให้เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำลิเบียต้องเสียชีวิตพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีก 3 คน เนื่องจากผู้กำกับหนังชาวอเมริกันผู้ไม่เปิดเผยนามได้สร้างหนังประเภทศาสนาชื่อว่า “อินโนเซนส์ ออฟ มุสลิม” ซึ่งเป็นหนังที่ชาวมุสลิมทั่วโลกให้การวิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันว่าหนังเรื่องนี้หมิ่นต่อศาสดาโมฮัมหมัดของพวกเขา การส่งต่อคลิปบางส่วนจากหนังผ่านสังคมออนไลน์ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจนชาวมุสลิมทั่วโลกออกมาเดินประท้วงเพื่อเรียกร้องให้นำตัวคนทำหนังมาลงโทษและขอให้ทำลายหนังเรื่องนี้ทิ้ง ซึ่งทางการสหรัฐอเมริกาเองก็ไม่ได้นิ่งดูดายโดยได้ทำเรื่องไปทาง Google และ YouTube เพื่อให้ถอดหนังดังกล่าวออกจากคลังการค้นหาแต่ก็ไม่เป็นผล ส่งผลให้หนังและคลิปจากหนังบางส่วนถูกส่งต่อผ่าน Social Network ไปทั่วโลก จนชาวมุสลิมลุกฮือออกมาประท้วงกันที่หน้าสถานทูตสหรัฐประจำประเทศของตนและได้ลุกลามไปถึง 26 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งอียิปต์ ตูนีเซีย เลบานอน เยเมน ซูดาน ออสเตรเลีย อินโดนีเซียและมาเลเซีย แต่ที่รุนแรงที่สุดอยู่ใน 3 ประเทศคือซูดาน อียิปต์และตูนีเซีย

สำหรับในเมืองไทยกรณีเช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านเมื่อ โต อดีตนักร้องนำวงซิลลี่ฟูลซึ่งปัจจุบันนับถือศาสนาอิสลามได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทางศาสนาผ่าน Social Media ว่าพระพุทธรูปเป็นเพียงแค่ปูนปั้นที่แตกได้ และไม่ได้มีสิ่งศักดิ์อยู่ในนั้นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือพระเจ้าที่ประเมินค่าไม่ได้และไม่สามารถไปสถิตอยู่ที่ใดได้ เนื่องจากพระองค์มีความยิ่งใหญ่กว่าสิ่งทั้งปวงในโลกนี้ หลังจากความเห็นของเขาถูกเผยแพร่ทำให้ชาวไทยส่วนใหญ่ผู้นับถือศาสนาพุทธออกมาวิจารณ์กันอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้โตต้องออกมาชี้แจงและขอโทษผ่านรายการข่าวในช่องโทรทัศน์

การแชร์หรือส่งต่อสิ่งที่กำลังเป็นกระแสในสังคมนั้น คนแชร์ควรพิจารณาก่อนว่าเป็นสิ่งที่ล่อแหลมหรือยั่วยุทางอารมณ์จนสร้างความร้าวฉานต่อผู้พบเห็นหรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นละเอียดอ่อนอย่างศาสนาซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะอาจทำให้เสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินจากความคะนองของผู้คนก็เป็นได้ ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีที่ดีควรหลีกเลี่ยงการเป็นสาเหตุของความร้าวฉานแต่ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้คนในวงกว้างจะดีกว่า

 

อุทาหรณ์ “อาการวูบ” หมดสติจนต้องหามส่งโรงพยาบาลของคนดัง ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

“งานคือเงิน เงินคืองานบันดาลสุข” เชื่อว่าหลายคนใช้คตินี้เป็นเครื่องเตือนใจเพื่อให้ขยันทำงานหาเงินสำหรับค่าครองชีพประจำตัวหรือค่าใช้จ่ายของครอบครัว ส่งผลให้ต้องประสบปัญหาสุขภาพจากการโหมงานหนัก ซึ่งหลายครั้งที่ร่างกายใช้วิธีเตือนด้วยอาการผิดปกติเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้เรามองข้ามความผิดปกตินั้นเพราะเชื่อว่าร่างกายยังแข็งแรงและพร้อมที่จะสู้กับงานหนักทุกประเภทที่ประดังประเดเข้ามา ด้วยใจสู้แต่ร่างกายที่ไม่พร้อมทำให้เกิดปัญหาสุขภาพแบบเฉียบพลัน โดยเรามักจะเห็นตัวอย่างการทำงานหนักจนร่างกายอ่อนล้าจากข่าวของคนดังอยู่บ่อย ๆ ซึ่งเรื่องราวของผู้คนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนจิตใจให้ทำงานแต่พอดีและรักษาสุขภาพสม่ำเสมอ

ล่าสุดได้มีการรายงานข่าวด่วนถึงการโหมงานหนักของดาราจนเกิดอาการวูบกลางกองถ่าย โดยใครจะเชื่อว่าเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันของดาราขาร็อครุ่นใหญ่อย่าง อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ซึ่งคนใกล้ชิดเปิดเผยว่าคุณอ๊อฟมีอาการหมดสติระหว่างการถ่ายทำละครจนต้องหามส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน ภายหลังแพทย์ได้ระบุว่าคุณอ๊อฟมีอาการของเส้นเลือดในสมองตีบจนต้องเข้ารับการรักษาอยู่ภายในห้อง ICU ส่งผลให้การถ่ายทำละครต้องชะงักลง นอกจากนี้คอนเสิร์ตของคุณอ๊อฟและเหล่าเพื่อน ๆ นักร้องที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อให้คุณอ๊อฟได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ก่อนจึงจะสามารถประกาศวันจัดงานที่ชัดเจนได้ ซึ่งขณะนี้คุณอ๊อฟได้ออกจากห้อง ICU แล้วและย้ายมาพักฟื้นที่ห้องปกติเพื่อรอดูอาการ หลังจากดีขึ้นจึงจะกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้

แต่เรื่องโชคดีนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนเสมอไป เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา เฮียนอส หรือนายอภิสิทธิ์ อภิสุขสิริ ผู้ดำเนินรายการสปอร์ตไกด์ FM 99 ACTIVE  RADIO ถูกญาติพบว่านอนหมดสติอยู่ในบ้านพักย่านคู้บอน จนต้องเรียกรถมูลนิธิเพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ได้ทำการปั๊มหัวใจอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผลและไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ ต่อมาได้มีการให้ข้อมูลจากครอบครัวว่าเฮียนอสมีโรคประจำตัวคือ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบและโรคเบาหวาน แต่ไม่คิดว่าจะมีภาวะของโรคหัวใจแทรกซ้อนจนเกิดอาการวูบเช่นนี้ ซึ่งหลังจากออกจากโรงพยาบาลครอบครัวจะนำร่างของเฮียนอสไปบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนาต่อไป

เป็นที่ทราบกันดีว่าอาการวูบเปรียบได้กับสัญญาณเตือนสุดท้ายว่าร่างกายถึงขีดจำกัดแล้ว บางคนโชคดีที่ในขณะวูบนั้นศีรษะไม่ได้รับการกระทบกระเทือนแต่บางคนกลับโชคร้ายต้องเสียชีวิตจากอาการวูบ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรอให้ร่างกายต้องใช้สัญญาณเตือนที่อันตรายเช่นนี้ เพียงแค่คุณดูแลสุขภาพและเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อค้นหาโรคภัยที่หลบซ่อนอยู่และรักษาให้ได้ทันท่วงทีจะได้ไม่เกิดการสูญเสียที่ไม่คาดฝันให้เป็นที่เศร้าใจของครอบครัว

 

สันติภาพของโลกไม่มีวันตายที่ไม่ควรหลงลืมของ โคฟี่ อันนัน และ เนลสัน แมนเดลา

เมื่อพูดถึงสงครามหลายคนอาจคิดถึงความสูญเสีย แต่จะมีสักกี่คนที่อุทิศตนเพื่อให้โลกเกิดสันติสุขแม้ว่าจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ที่ห่างไกลความเจริญก็ตาม การอุทิศตนเพื่อให้สังคมของตนได้รับความสงบสุขนั้นนำมาซึ่งความนับถือจากคนทั่วโลกเมื่อได้รับทราบเรื่องราวการต่อสู้ของบุคคลเหล่านี้ จนเกิดเป็นกระแสการเรียกร้องอิสระภาพและความเท่าเทียมกันของทุกคนในสังคม ถึงแม้ว่าผู้นำการเรียกร้องนี้จะต้องจากโลกไป แต่การเคลื่อนไหวเพื่ออิสระภาพและสันติสุขซึ่งมาจากอุดมการณ์ของพวกเขานั้นยังคงอยู่และถูกสืบทอดเพื่อให้สังคมได้ตระหนักถึงความเท่าเทียมของมวลมนุษยชาติ

เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาโลกได้สูญเสียผู้เป็นปูชนียบุคคลด้านสันติภาพนั่นก็คือ นายโคฟี่ อันนัน ชาวผิวสีคนแรกของประวัติศาสตร์ที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ ผู้ต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมและเรียกร้องเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อ HIV ซึ่งเขาเสียชีวิตอย่างสงบหลังจากป่วยได้ไม่นานที่บ้านพักในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ สำหรับผลงานที่โดดเด่นของนายอันนันก็คือ เขาได้มีบทบาทในการเป็นสื่อกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างประเทศให้กับอิรัค ไนจีเรีย เลบานอนและอิสราเอล ผลงานครั้งนั้นทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพและได้เข้ารับตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติอีกเป็นสมัยที่ 2 ถึงแม้ว่าโลกได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักนี้ไปแล้วแต่ปณิธานของเขาก็ได้ถูกส่งต่อไปยังสมาชิกและองค์กรทางมนุษยธรรมทั่วโลกเพื่อให้สานต่อเจตนารมณ์การสร้างสันติภาพโลกของบุคคลสำคัญผู้นี้

ถ้าใครยังจำกันได้ราว ๆ 10 กว่าปีก่อนเรามักจะเห็นชายผิวดำกับใบหน้าเปื้อนยิ้มภายใต้ร่องรอยของกาลเวลา เขาผู้นี้มีชื่อว่า เนลสัน แมนเดลา นักต่อสู้ด้านมนุษยธรรมเพื่อความเท่าเทียมของชาวแอฟริกัน แมนเดลาเกิดในครอบครัวของผู้ครองนครในแอฟริกาแต่เขาก็ไม่ได้เสวยสุขอยู่บนทรัพย์สมบัติและเฝ้ามองดูความยากลำบากของชาวเมือง แต่กลับกันเขาต่อสู้เพื่อความเสมอภาคของคนผิวดำจนพัฒนาไปสู่การตั้งกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งทำให้เขาต้องถูกจำคุกถึง 27 ปี การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้แมนเดลากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเท่าเทียมที่ไม่ใช่เพียงชาวผิวสีเท่านั้นแต่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกโดยเฉพาะประชาชนในประเทศที่มีปัญหาเรื่องเชื้อชาติ จนกระทั่งปี 2556 เนลสัน แมนเดลาได้ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคปอดติดเชื้อในวัย 95 ปี แต่ชื่อของเขายังคงถูกจารึกไว้ในฐานะของพ่อพระของชาวผิวสี

การต่อสู้ของนักมนุษยธรรม 2 ท่านนี้ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมของพลเมืองโลก เนื่องจากอุดมการณ์และคติสอนใจนั้นยังคงอยู่ ให้กับชนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงการมีจิตใจแห่งความรักและความเสมอภาคกันต่อเพื่อนมนุษย์ซึ่งเป็นรากฐานของการอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขในสังคมปัจจุบันนี้

 

วิเคราะห์เซเล็ปศิลปินดัง กับปัญหาทางจิต ซึมเศร้า ไบโพลาร์ หรือแค่คิดไปเอง

                คนทุกคนล้วนต้องประสบกับปัญหาด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีจิตใจเข้มแข็งพร้อมเผชิญและแก้ไขปัญหาได้มากกว่ากัน ซึ่งบางคนมีความแข็งแกร่งทางจิตใจเพราะถูกฝึกมาจากครอบครัว ในขณะที่บางคนต้องปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งอยู่กับปัญหาที่แก้ไม่ได้ จนกลายเป็นปมลุกลามภายในจิตใจ ส่งผลให้เกิดโรคทางจิตที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง และดูเหมือนว่าคนที่มีชื่อเสียงมีหน้ามีตาในสังคมจะมีโอกาสเป็นได้มากกว่าบุคคลธรรมดา เนื่องจากภาระและความคาดหวังอันใหญ่หลวงจากคนรอบข้าง ทำให้ปมภายในจิตใจนั้นแก้ไม่ตก

ย้อนกลับไปราว ๆ 20 กว่าปีที่แล้ว ประเทศเรามีนางแบบชื่อดังมีประวัติเป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดา ๆ แต่เธอได้รับโอกาสที่ดีจากผู้ใหญ่ในวงการแฟชั่น ประกอบกับการมีรูปร่างดีและใบหน้าขึ้นกล้องทำให้เธอได้โบยบินเข้าไปสู่อาชีพนางแบบระดับโลก จนได้ขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง ด้วยความตื่นตาตื่นใจกับสังคมใหม่ ทำให้เธอได้พบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตา แต่โชคร้ายที่เธอต้องเข้าสู่วังวนของยาเสพติด และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาพลเมืองดีพบเห็นเธอเดินไร้สติอยู่ข้างถนนจนต้องพาส่งโรงพยาบาล พบว่าเธอคนนี้ก็คือนางแบบชื่อดังนามว่า ยุ้ย รจนา ผู้ป่วยเป็นโรคไบโพลาร์หรือโรคอารมณ์สองขั้ว ที่ไม่ได้เข้ารับการรักษามานานจนอาการกำเริบ ความหลงระเริงจากการโด่งดังและผลของยาเสพติดทำให้เธอต้องกลายเป็นคนไม่ปกติ ซึ่งปัจจุบันยุ้ยได้รับการรักษาจากจิตแพทย์และยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้รับโอกาสให้กลับเข้าสู่วงการแฟชั่นอีกครั้งในฐานะเบื้องหลัง

อีกหนึ่งกรณีคนดังกับอาการทางจิตที่กำลังเป็นกระแสอยู่ทุกวันนี้ก็คือ กรณีของเสก โลโซ ซึ่งทำการถ่ายทอดสดกิจวัตรประจำวันของตัวเองผ่านเฟสบุ๊คตั้งแต่ตื่นนอน ล้างหน้า แปรงฟัน ทานข้าว รวมไปถึงการพาดพิงถึงบุคคลอื่น ๆ ในทางเสียหาย จนคนใกล้ชิดออกมาเปิดเผยว่าเสกมีอาการของโรคไบโพลาร์และซึมเศร้า ซึ่งหยุดการรักษาและไม่ได้รับประทานยามาหลายเดือนแล้ว ทำให้สังคมเกิดความเป็นห่วงว่าเขาอาจเข้าสู่ภาวการณ์อยากฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นภาวะขั้นสุดท้ายของโรคนี้ จนกระทั่งวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมาได้มีรายงานข่าวว่าภรรยาเก่าและลูกชายคนโตของเสกได้ทำการเข้าไปในบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เสกพักอยู่และไม่ได้ออกมาข้างนอกกว่า 6 เดือน แม่ลูกทั้ง 2 รวมทั้งคนสนิทอีกหลายคนได้ช่วยกันนำตัวเสกไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว

จะเห็นว่าผู้ป่วยทางจิตไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือไบโพลาร์ ต่างก็ต้องการความรักความเอาใจใส่จากครอบครัวและคนรอบข้าง เนื่องจากผู้ป่วยทางจิตมักจะคิดว่าตนคือคนปกติจนอาการนั้นลุกลามไปสู่ภาวะที่รักษาได้ยาก นอกจากนี้โอกาสที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ คือสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการมากที่สุดหลังจากการรักษา ดังนั้นคนรอบข้างควรทำความเข้าใจและช่วยเหลือเขาเหล่านี้อย่างเต็มที่

 

เมื่อทั่วโลกต้องประสบภาวะอุทกภัยฉับพลัน ธรรมชาติลงโทษหรือแค่ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง ?

เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่คาดไม่ถึง ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา อุทกภัยที่ปะทะมาแบบฉับพลันทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างต่อหลาย ๆ ประเทศ การเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ทำเอาคนส่วนใหญ่ประเมินกันไปว่าอาจจะเป็นการลงโทษของธรรมชาติต่อมวลมนุษยชาติ ในขณะที่บางคนคิดว่าเป็นเพียงฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงเท่านั้น ซึ่งหลายประเทศต้องประสบกับภาวะน้ำท่วมกะทันหันจนไม่ทันตั้งตัว ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศว่าเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เมืองอังการา ประเทศตุรกี โดยมีการเผยแพร่คลิปรถยนต์ร่วมร้อยคันถูกกระแสน้ำพัดพาไปกองรวมกัน และที่สำคัญรถยนต์บางคันยังมีคนอยู่ในนั้นทำให้เกิดภาพการพยายามหนีออกจากรถเพื่อเอาชีวิตรอดกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากการที่มีฝนตกอย่างหนักติดต่อกันถึง 3 ชั่วโมง เป็นผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันจนชาวเมืองต้องพากันหนีตาย

นอกจากนี้ประเทศที่คนไทยนิยมไปท่องเที่ยวอย่างประเทศญี่ปุ่น ก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันเมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน โดยมีสำนักข่าวทั่วโลกได้รายงานข่าวว่าประเทศญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติครั้งยิ่งใหญ่และร้ายแรงที่สุดในรอบ 10 ปี จากการถูกน้ำท่วมและดินโคลนถล่มบ้านเรือนจนได้รับความเสียหายกันถ้วนหน้า ซึ่งเหตุการณ์ร้ายแรงนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวเมืองทางตะวันตกของประเทศญี่ปุ่นต้องได้รับผลกระทบจากบ้านเรือนพังเสียหาย โดยมียอดผู้เสียชีวิตกว่า 60 คน และบาดเจ็บกว่า 40 คน ซึ่งสำนักงานการกู้ภัยของญี่ปุ่นต้องทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัย

หลังจากวิกฤตของประเทศญี่ปุ่นเพียง 1 เดือนก็มีการรายงานข่าวอีกว่าเกิดอุทกภัยฉับพลันในรัฐเกรละ ซึ่งเป็นรัฐทางตอนใต้ของอินเดีย ภัยธรรมชาติครั้งนี้ถือเป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตกว่า 300 คน และชาวเมืองกว่า 400,000 คน ต้องอพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางการจัดไว้ให้ ซึ่งอุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากฤดูมรสุมช่วงต้นปีที่ผ่านมาโดยรายงานระบุว่าร่างของผู้เคราะห์ร้ายส่วนมากพบเจออยู่ใต้ซากปรักหักพังจากการถูกดินโคลนถล่ม จนภายหลังทางการอินเดียได้ประกาศให้สร้างศูนย์พักพิงชั่วคราวเนื่องจากยอดผู้ประสบภัยเพิ่มขึ้น

นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันนี้ซึ่งมีระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนจะเห็นว่ามีหลายประเทศที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยฉับพลัน ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาของแต่ละประเทศเรื่องความรุนแรงของพายุและเมฆฝนล่วงหน้า แต่ทว่าหลายครัวเรือนยังคงไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์ สำหรับประเทศไทยเองช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่น้ำจากแม่น้ำเหนือกำลังไหลลงสู่แม่น้ำทางภาคกลางทำให้หลายหน่วยงานต้องจับตาดูและคอยรายงานอยู่เป็นระยะ ๆ ดังนั้นประชาชนที่อยู่ตามเส้นทางน้ำก็ควรรับฟังข่าวสารและเชื่อคำเตือนจากทางการเพื่อทำการป้องกันให้ทันท่วงทีและไม่ให้เกิดการสูญเสียที่คาดไม่ถึง

 

บัญชีโซเชียลมีเดีย กับการตั้งรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยสุงสุด

                โซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Instagram Youtube ร่วมไปถึง E-mail  ที่จะต้องตั้งรหัสผ่าน ควบคู่กับชื่อบัญชี ควรจะต้องระมัดระวังให้ดี เพราะชื่อผู้ใช้ถูกเปิดเผยให้คนทั่วไปเห็นอยู่แล้ว เมื่อติดต่อกับบัญชีของคุณ สิ่งที่คุณควรเก็บไว้เป็นความลับคือรหัสผ่าน และการตั้งรหัสผ่านของคุณควรจะเป็นรหัสผ่านที่คาดเดายาก ไกลตัวคุณ เพราะหากมีมือดีหรือผู้ประสงค์ร้าย ต้องการใช้ชื่อของคุณในทางที่ผิด หรือเข้ามาล้วงข้อมูลลับของคุณ พวกเขาเหล่านั้นสามารถทำได้ง่าย หากคุณตั้งรหัสผ่านที่สามารถคาดเดาได้ง่ายนั่นเอง

กลุ่มรหัสผ่านที่ไม่ควรนำมาใช้ในการตั้งรหัสผ่านคือ

ชุดตัวเลขเรียงกัน เช่น “1234” “5678” ชุดตัวเลขเดิมซ้ำ ๆ กัน เช่น “0000” “9999” “1111” หรือจะเป็นตัวอักษรเรียงกัน เช่น “abcd” “wxyz” กลุ่มคำที่สามารถคาดเดาได้ง่าย เช่น “password” “pass” “password1234”

กลุ่มรหัสผ่านที่เป็นข้อมูลของคุณ ที่สามารถค้นหาได้โดยง่าย เช่น วันเดือนปีเกิด ค.ศ.หรือพ.ศ.ที่คุณเกิด เลขท้ายเบอร์โทรศัพท์ ชื่อเล่น ชื่อจริง เป็นต้น เพราะข้อมูลชุดนี้ผู้คนส่วนใหญ่มักจะรู้จากตัวคุณเองได้ง่ายเกินไป เช่น หากคุณใช้ Facebook และตั้งเปิดเผยวันเดือนปีเกิดในระบบ แล้วนำวันเดือนปีเกิดมาตั้งเป็นรหัสผ่าน ก็ยิ่งทำให้ผู้ประสงค์ร้ายสามารถเข้ามาปลอมแปลงเป็นตัวคุณ หรือเข้ามาโพสข้อความทำร้ายคุณได้อย่างง่าย ๆ นั้นเอง

ป้องกันผู้ประสงค์ร้าย เข้ามาล้วงข้อมูลลับได้ด้วยการตั้งรหัสผ่านที่ถูกต้อง

                หากตั้งรหัสผ่านโซเชียลมีเดียควรตั้งรหัสผ่านที่มี ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์เล็ก (a – z) ตัวพิมพ์ใหญ่ (A – Z) ตัวเลข (0 – 9) สัญลักษณ์ (!@#$%^&*()_+|~-=\`{}[]:”;'<>?,./)  ผสมกัน โดยมีความยาวเกิน 8 ตัวขึ้นไป และหากยิ่งยาวจะยิ่งคาดเดาได้ยาก ตัวอย่างเช่น “p@ssWorc!2234” “Pa$$_4975” เป็นต้น

ควรเปลี่ยนรหัสทุก ๆ 6 เดือน แต่ก็ควรระวังว่าจะลืมรหัสผ่าน จนไม่สามารถเข้าใช้งานได้เอง ตรวจสอบสถานะการเข้าบัญชีเป็นประจำ ว่ามีคนอื่น หรือมีการเข้าถึงจากอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ของเราหรือไม่ หากเป็นไปได้รหัสในแต่ละโซเชียลควรเป็นรหัสที่แตกต่างหาก แต่หากมั่นใจในความยากของรหัสแล้วก็อาจจะใช้รหัสชุดเดียวกันก็ได้

อีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้ใคร ควรเก็บอีเมล์ที่ใช้ในการสมัคร Facebook Twitter Instagram หรือโซเชียลอื่น ๆ แยกจากอีเมล์ที่เปิดเผยในสาธารณะ เพราะหากอีเมล์นั้น ๆ โดนมือดีเข้าถึงได้ นั้นหมายความว่าทุกโซเชียลที่เราสร้างไว้มือดีจะสามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด

สังคมในยุคปัจจุบัน เป็นสังคมยุคโซเชียลมีเดีย เหมือนมีทุกคนสื่อในมือ สามารถจะพูดจะแสดงความคิดเห็นอะไรก็ได้ แต่หากมีผู้ประสงค์ร้ายเข้าระบบของเราได้ แล้วโพสข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือไปหลอกขอข้อมูลสำคัญจากคนใกล้ ๆ ตัวเราเพื่อนำข้อมูลไปประกอบธุรกรรมผิดกฎหมาย ยิ่งเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเท่าไหร่ ในบางครั้งข้อมูลเหล่านั้นอาจเป็นภัยมืดมาทำร้ายตัวเราเองได้ในอนาคต