“ครูเป็นหนี้” เพราะกู้ง่ายเกินไปสนองความต้องการทางสังคมจนไร้วินัยการเงิน

อาชีพครูบาอาจารย์ถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติทางสังคมและครูที่ดีก็มักจะได้รับการเคารพยกย่องจากนักเรียน ผู้ปกครองและบุคคลรอบข้าง ทำให้เกิดการแข่งขันสูงตั้งแต่การเริ่มต้นเข้าสู่วงการครู ซึ่งครูทุกคนจะต้องสอบแข่งขันโดยมีผู้เข้าร่วมแข่งขันทั่วประเทศเพียงเพื่อชิงเก้าอี้ครูไม่กี่ตำแหน่ง แต่กลับกันอาชีพมีเกียรตินี้ได้รับค่าตอบแทนแรกเริ่มค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับอาชีพอื่น ๆ ซึ่งกว่าจะสามารถขอเพิ่มเงินเดือนได้นั้นครูต้องมีผลงานไปเสนอต่อหน่วยงานการศึกษาที่ตนสังกัดเพื่อให้ได้รับการพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนและเลื่อนตำแหน่ง โดยในแต่ละครั้งจะต้องใช้เวลาหลายปีสำหรับการเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการนี้ อีกทั้งประเทศไทยเป็นสังคมระบบอุปถัมภ์ ผู้ใดที่มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังมักจะได้อยู่ในจุดที่ตนต้องการง่ายขึ้นกว่าคนปกติ

หลายคนอาจสงสัยว่าเพราะเหตุใดอาชีพครูในเมืองไทยจึงเป็นอาชีพที่มีหนี้สินมากกว่าอาชีพอื่น ดังที่กล่าวไปแล้วว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีเกียรติและได้รับความเชื่อถือจากสังคม ส่งผลให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ นั้นง่ายกว่าอาชีพอื่นโดยธนาคารมักจะปล่อยสินเชื่อให้บรรดาครูเหล่านี้ได้กู้เพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ประกอบกับเงินเดือนขั้นต่ำของครูซึ่งถือเป็นฐานเงินเดือนที่น้อยกว่าอาชีพอื่น ๆ ทำให้ครูต้องพึ่งการกู้หนี้ยืมสินเป็นประจำ อีกทั้งการเข้าสังคมเป็นเรื่องที่สำคัญกับคนบางกลุ่มที่ประกอบอาชีพนี้ ดังนั้นการกู้หนี้ยืมสินจึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาและครูหลายคนจึงเป็นผู้ชำนาญด้านการกู้

เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมากลุ่มวิชาชีพครูรวมตัวกันกว่า 100 คน เพื่อประกาศปฏิญญามหาสารคาม เรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารออมสินพักหนี้ของตนในโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป พร้อมประกาศให้ลูกหนี้ ช.พ.ค. ทั่วประเทศกว่า 400,000 คน ร่วมกันหยุดการชำระหนี้กับธนาคารออมสินตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ครูเหล่านี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสังคมไม่ว่าจะเป็นสังคมทั่วไปหรือสังคมออนไลน์ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ว่าบุคคลนั้นจะประกอบอาชีพใดเมื่อทำการกู้สินเชื่อมาแล้วต้องชำระคืนตามสัญญาซึ่งรวมทั้งดอกเบี้ยตามที่ตกลงกันไว้ มิฉะนั้นก็ควรถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเฉพาะบุคลากรทางการศึกษาซึ่งต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้สมแก่การเป็นต้นแบบแก่สังคมต่อไป

จากการวิจารณ์ของสังคมทำให้หน่วยงานทางภาครัฐต้องออกมาเคลื่อนไหว โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมได้ออกประกาศเรื่องความต้องการหยุดชำระหนี้ของครู ช.พ.ค. ว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายเนื่องจากการไม่ชำระหนี้นั้นถือว่าหนีหนี้และจะต้องถูกฟ้องล้มละลายและหมดสภาพการเป็นข้าราชการ

ไม่ว่าบุคคลนั้น ๆ จะประกอบอาชีพใดสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือการทำสิ่งที่ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะบุคลากรทางการศึกษาที่จะต้องปฏิบัติตนเป็นต้นแบบที่ดีแก่สังคมเพื่อไม่ให้เกิดการเอาเยี่ยงอย่างในการหาข้ออ้างเพื่อกระทำผิดกฎหมายต่อไป