ข้อเสียของการใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไป

พฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทยพุ่งสูงมากกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน โดยช่วงอายุผู้ใช้งานมีตั้งแต่วัยอนุบาลถึงวัยผู้สูงอายุซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้อินเทอร์เน็ตในการสื่อสารและรับรู้ข่าวสารความเคลื่อนไหวของคนที่ตัวเองเป็นเพื่อนหรือติดตาม ทุกคนในโลกออนไลน์ต่างแสดงตัวตนส่วนหนึ่งออกมาให้ผู้คนได้รับรู้และเป็นพยาน การเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวและกิจกรรมส่วนตัวที่ทำในโลกออนไลน์ถือเป็นเรื่องปกติ ผู้คนมักจะแชร์กิจกรรมที่ตัวเองประทับใจ ของที่ตัวเองซื้อมา รีวิวสินค้าต่างๆมากมาย ทั้งเครื่องสำอาง โทรศัพท์ อุปกรณ์ไอที กล้องถ่ายรูป จนหลายครั้งกลายเป็นการแข่งขันกันในหมู่เพื่อน หากสถิติการใช้อินเทอร์เน็ตในการสื่อสารและการรับรู้ความเคลื่อนไหวของคนอื่นในประชาชนไทยมีตัวเลขพุ่งสูงขนาดนี้ ปริมาณในการใช้สื่อสังคมออนไลน์จะส่งผลเสียอย่างไรบ้าง

  1. การเฝ้ามองคนในสื่อโซเชียลออนไลน์ บีบบังคับให้เราโฟกัสในสิ่งที่เราไม่มี ในกิจกรรมที่เราไม่ได้ทำ ในเสื้อผ้าที่เราไม่ได้ใส่ ในปาร์ตี้ที่เราไม่ได้ไป มันเป็นการเฝ้ามองพฤติกรรมคนอื่นโดยนำมาซึ่งการเทียบเปรียบกับชีวิตตัวเองอย่างไม่รู้ตัว มันเป็นการโฟกัสในสิ่งที่เราขาด
  2. อาจจะตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ ก่อนที่อินเทอร์เน็ตจะถือกำเนิดขึ้น หากใครคนใดคนหนึ่งต้องการกลั่นแกล้งคนอื่น จะต้องทำต่อหน้าหรือออกแรงเพื่อกระทำบางอย่าง แต่ด้วยการเข้าถึงซึ่งกันและกันได้ง่ายขึ้น การกลั่นแกล้งเลยทำได้ง่ายขึ้นและแผ่วงกว้างได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพียงแค่ยกมือถือขึ้นมาก็สามารถโพสข้อความเพื่อกลั่นแกล้งคนอื่นได้ทันที หลายครั้งผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตพิมพ์ด่าไล่ให้คนที่มีความคิดเห็นต่างจากตัวเองไปตาย แคปหน้าจอไปประจานเพื่อความสะใจและความขบขัน หากผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งไม่มีภูมิคุ้นกันที่ดีอาจจะนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้
  3. เกิดความหวาดกลัวว่าจะตามคนอื่นไม่ทัน ประโยคยอดฮิตที่พูดกันอย่างติดปากคือ เดี๋ยวตามเค้าไม่ทัน เดี๋ยวคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง ทำให้หลายคนกระหายในการใช้โซเชียลมีเดีย มีโทรศัพท์ไว้ในมืออยู่ตลอดเวลา ติดตามทุกประเด็นร้อนในสังคม โดยปราศจากการตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราจะรู้เรื่องราวทั้งหมดนั้นไปทำไม ในเมื่อมันไม่ได้ทำให้เรารวยขึ้น ไม่ได้ทำให้เรามีความรู้มากขึ้น ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น
  4. แสงสีฟ้าที่ส่องสว่างออกจากหน้าจอโทรศัพท์ทำให้กระจกตาเสื่อมเร็วขึ้น มองเห็นได้ไม่ชัด โดยมีสถิติว่าผู้ใช้งานอินเตอร์เนตส่วนใหญ่ยังใช้งานโทรศัพท์ก่อนนอนหลังจากที่ดับไฟในห้องแล้วซึ่งทำให้กระจกตาได้รับผลกระทบ ทั้งผู้เชี่ยวชาญเองออกมาบอกว่ายังไม่มีทางรักษากระจกตาเสื่อมที่เกิดจากแสงสีฟ้าได้
  5. เกิดความคาดหวังที่ไม่ยึดตามหลักความจริงทั้งในเรื่องของความสัมพันธ์และการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เมื่อเป็นสื่อโซเชียลทุกคนที่มีสิทธิเข้าถึงย้อมมีสิทธิในการคัดเลือกเรื่องราวที่ตัวเองอยากนำเสนอ ซึ่งมันคือมุมๆ หนึ่งเท่านั้น ผู้คนส่วนใหญ่มักจะหันด้านที่ดีที่สุด มีความสุขที่สุด น่าอิจฉาที่สุด หรือแม้กระทั่งน่าสงสารที่สุด น่าเห็นใจที่สุดออกสู่สังคมโซเชียลเสมอ ทั้งไม่ว่าจะค้นหาอะไรในอินเทอร์เน็ต ก็จะมีคนที่เก่งมากๆ เต็มไปหมด การใช้เวลาติดตามเรื่องราวเหล่านั้นเป็นระยะเวลาที่ยาวนานและสม่ำเสมอ ทำให้เกิดภาพว่าเรื่องราวทุกอย่างจะต้องที่สุด จะต้องเยอะ จะต้องมากมาย

แม้ว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียจะทำให้การสื่อสารเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากขึ้น ทำให้รับรู้ข่าวสารได้ทันท่วงทีและสามารถติดต่อกับเพื่อน ครอบครัวและคนรักที่อยู่ห่างไกลกันได้ แต่ไม่ว่าสิ่งใดหากใช้ในแง่ของปริมาณที่มากเกินไปย่อมมีข้อเสียต่อผู้ใช้งานตามมาเสมอ การสังเกตพฤติกรรมการใช้งานของตัวเองและรู้เท่าทันข้อเสียของสิ่งที่ตัวเองใช้งานอยู่เป็นประจำทุกวันย่อมดีกว่า