ความเหลื่อมล้ำทางด้านการเงินของคนไทย ซึ่งมีคนจนมากกว่าคนรวยหลายเท่าตัว    

ในเมืองไทยนั้นมีคนที่ประสบปัญหาความยากจนค่อนข้างมาก ดังที่มีข่าวออกมาว่าประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของผู้ที่มีคนจนและคนรวยเหลื่อมล้ำกันมากที่สุดในโลก ที่เป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ในสังคมออนไลน์ทุกวันนี้ ซึ่งในวันที่ 8, 9 และ 10 ธันวาคม 2561 นี้ทางรัฐบาลได้มีการสนับสนุนเงินให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยจำนวน 500 บาทผ่านทางบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับผู้ที่ได้ลงทะเบียนคนจนและได้รับสิทธิ์ดังกล่าว ได้แบ่งการจ่ายเงินตามหมายเลขขึ้นต้นในบัตรประชาชน จากข่าวนี้ทางรัฐบาลได้มีการหยิบยกประเด็นนี้นำไปพิจารณาเพื่อที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินของสังคมให้น้อยลง เพื่อให้คนจนและคนรวยได้มีปริมาณเท่า ๆ กัน และผลักดันให้ผู้ที่มีรายได้น้อยนั้นมีงานรองรับ และสามารถหาเลี้ยงชีพและมีรายได้เพิ่มขึ้น

วิธีลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการเงินนั้นมีดังต่อไปนี้คือ

  1. ให้การศึกษากับผู้ที่ด้อยโอกาส โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญ อย่างเช่นบนดอยหรือหลังเขา ที่จะมีเด็กเล็กในหมู่บ้านที่ไม่ได้เรียนหนังสืออีกมากมาย โดยการจัดตั้งโรงเรียนประจำหมู่บ้าน และปฏิรูปการศึกษาภายในประเทศให้มีมาตรฐานเดียวกัน และกำหนดระดับชั้นวุฒิการศึกษาขั้นต่ำที่ต้องเรียนให้เข้มงวด
  2. ให้ความรู้ทางด้านการลงทุน การออมเงินของชาวบ้านเมื่อเกษียณและเก็บเงินไว้ใช้ให้เป็นสัดส่วน ยังมีชาวบ้านอีกมากมายที่ยังขาดความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการเงินและสินทรัพย์ส่วนตัว สังเกตุได้จากเมื่อเวลาแก่ตัวลงไปแล้วจะไม่มีเงินเหลือเก็บไว้ใช้ในยามชรา ทำให้เป็นวัฏจักรที่ลูกหลานต้องเลี้ยงดู ไม่ได้นำเงินที่หามาไปทำธุรกิจให้เกิดผลประโยชน์งอกเงย และเกิดขึ้นหมุนเวียนกันไปเรื่อย ๆ ยันรุ่นลูกรุ่นหลานแบบนี้ไม่รู้จบ
  3. พัฒนาระบบเกษตรกรรมภายในประเทศด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้เข้าถึงในพื้นที่เกษตรกรรมถิ่นทุรกันดารและห่างไกลจากเทคโนโลยีทางการเกษตร ให้สามารถมีเครื่องมือไว้ใช้ในการทำงานได้สะดวก ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือไว้ใช้ส่วนรวมสำหรับหมู่บ้าน หรือนำเทคโนโลยีและความรู้ต่าง ๆ ให้กับผู้นำชาวบ้านไปเผยแพร่อีกทีหนึ่ง
  4. กระจายรายได้จากสังคมเมืองสู่สังคมชนบท ให้ได้รับรายได้ทั่วถึงแม้ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งควรส่งเสริมให้ชาวบ้านมีอาชีพเสริม อาจเป็นงานฝีมือเฉพาะท้องถิ่นหรือเป็นสูตรอาหารดั้งเดิม ควรส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้ฝีมือและความรู้ความสามารถรวมทั้งทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการก่อตั้งเป็นชมรมเล็ก ๆ ภายในหมู่บ้าน หรือจัดตั้งองค์กรสำหรับพัฒนาฝีมือแรงงานของชาวบ้าน และจัดตั้งให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ควรอนุรักษ์ไว้ประจำท้องถิ่นนั่นเอง

จากที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงขั้นตอนการลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการเงินของสังคมไทยเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีวิธีอีกมากมายที่ช่วยให้คนไทยที่ยากจนมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการทำงานประจำ รวมทั้งการทำงานพิเศษอื่นนอกเหนือจากรายได้หลักเพื่อเป็นหารายได้เลี้ยงดูครอบครัวอีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งนอกจากนี้การแบ่งเวลานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งของการพัฒนาคนเพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาประเทศอีกทีหนึ่ง ดังนั้นผู้ที่มีเวลามาก สามารถใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้

สวมรอยบัตรประชาชน ภัยใกล้ตัวที่ควรระวัง

                ในช่วงที่ผ่านมาหลายคนคงจะได้ติดตามข่าวคราวของการนำบัตรประชาชนไปลักลอบเปิดบัญชีธนาคารกันมาบ้างแล้ว ที่ถึงแม้ว่าคดีนี้จะยังไม่ถึงที่สุด และยังไม่แน่ว่าข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้เป็นเช่นไร แต่จากคดีนี้ทำให้หลายคนเริ่มตระหนักและให้ความสำคัญกับเอกสารส่วนตัวอย่างบัตรประชาชนที่สามารถนำไปทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้มากมายรวมถึงการเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งความเสียหายมากมายในอนาคต รวมถึงยังนำไปสู่การหลอกลวงผู้เสียหายอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย

กรณีศึกษา

                ในคดีที่เกิดขึ้นนี้ เป็นกรณีที่มีการนำบัตรประชาชนของผู้เสียหายไปเปิดบัญชีธนาคาร แล้วหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชี ซึ่งเมื่อมีการสืบสวนลึกลงไป พบว่ามีการว่าจ้างวานให้สวมรวมนำเอาบัตรประชาชนของผู้เสียหายไปเปิดบัญชีถึง 5 บัญชี โดยมีการจ่ายค่าจ้างวานบัญชีละ 2,000 บาท ซึ่งผู้ว่าจ้างเป็นชาวไนจีเรีย ที่เชื่อมโยงไปถึงขบวนการโรแมนซ์สแกม ซึ่งเป็นการหลอกลวงให้เหยื่อหลงเชื่อและแล้วหลอกให้มีการโอนเงินเข้าบัญชีในที่สุด

สมาคมธนาคารเตือน ปัญหาการลอบนำบัตรประชาชนมาเปิดบัญชีธนาคาร

ด้วยข่าวคราวและกรณีดังกล่าว ทำให้สมาคมธนาคารต้องออกมาชี้แจงถึงกระบวนการในการเปิดบัญชีของธนาคาร รวมถึงการป้องกันของประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ด้วยระเบียบการยืนยันตัวตนในการเปิดบัญชีเงินฝาก รวมถึงทุกสาขาของธนาคารได้มีป้ายเตือน เรื่องการรับเปิดบัญชีแทนซึ่งถือเป็นความผิดทางกฎหมาย ทั้งนี้ในการเปิดบัญชีเงินฝากทุกครั้ง ธนาคารต้องมีการจัดให้ลูกค้าแสดงตนด้วยบัตรประชาชน รวมถึงต้องมีการตรวจสอบตัวตนของลูกค้ากับบัตรประชาชนที่นำมาเปิดบัญชีว่าเป็นบุคคลเดียวกัน เมื่อมีการตรวจสอบถูกต้องแล้ว จึงจะมีการเปิดบัญชีให้กับลูกค้าได้ รวมถึงตัวประชาชนหรือลูกค้าเองต้องมีความระมัดระวัง รอบคอบในการเก็บรักษาบัตรประชาชน ไม่ควรมอบหมายให้ผู้อื่นไปทำธุรกรรมแทน รวมถึงการให้สำเนาบัตรประชาชนผู้อื่นเพื่อไปทำธุรกรรม ควรขีดคร่อมและเขียนวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน และในกรณีที่บัตรประชาชนหาย ต้องมีการไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อเป็นการป้องกันตัวและเพื่อไม่ให้เป็นช่องโหว่ของมิจฉาชีพ

นอกจากกรณีบัตรประชาชนหายแล้วมีการนำเอาไปสวมรอยเปิดบัญชีเพื่อหลอกลวงให้เหยื่อโอนเงินแล้ว ยังมีอีกหลายกรณีที่มีการหลอกลวงขอเลขบัตรประชาชน เพื่อนำไปสวมรอยใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ดังที่บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ออกหนังสือมาเตือนลูกค้าถึงแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่มีการโทรเข้าไปยังลูกค้า แล้วอ้างขอเลขบัตรประชาชน ซึ่งทางบริษัทไม่มีนโยบายการขอบัตรประชาชนใด ๆ จากลูกค้าทั้งสิ้น

 

ธนาคารดิจิทัล มาถึงยุคที่ธนาคารแข่งกันฟรีค่าธรรมเนียม

                ข่าวคราวล่าสุดของวงการธนาคารที่คงจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของลูกค้า หรือผู้ที่นิยมใช้ระบบธนาคารออนไลน์ก็คงจะไม่พ้นการที่หลาย ๆ ธนาคารออกมาประกาศฟรีค่าธรรมเนียมโอนเงินและการจ่ายบิล เพื่อเป็นการเชิญชวนให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการธนาคารดิจิทัลมากขึ้น รวมถึงยังเป็นการแย่งฐานลูกค้ากันเองของธนาคารทั้งหลาย ซึ่งนโยบายนี้จะเป็นผลดีต่อใครไปไม่ได้ นั่นก็คือลูกค้า ที่ทำให้คนไม่เคยใช้บริการระบบธนาคารดิจิทัลหลายคน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุที่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์สื่อสารและระบบอินเตอร์เน็ต เมื่อได้ยินคำว่าฟรีค่าธรรมเนียมก็ย่อมสนใจ เรียนรู้ และศึกษาการใช้งานธนาคารออนไลน์ดังกล่าวในที่สุด

แบงค์แข่งกันประกาศฟรีค่าธรรมเนียม  

การแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงฐานลูกค้าของธนาคารเป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการกระตุ้นให้ลูกค้าหันมาใช้งานและทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ หรือที่เรียกว่าช่องทางดิจิทัล ซึ่งธนาคารที่มีการประกาศฟรีค่าธรรมเนียมให้กับลูกค้าที่ใช้บริการในระบบ Online Banking ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารธนชาติ สำหรับค่าธรรมเนียมที่ยกเว้น ได้แก่ ค่าธรรมเนียมโอนข้ามเขต การโอนเงินข้ามธนาคาร การจ่ายบิล ชำระเงิน ซึ่งลูกค้าจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมเมื่อทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันหรือทางหน้าเว็บธนาคาร รวมถึงบางธนาคาร อย่างเช่นธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังมีการจ่ายเงินคืนให้ลูกค้า 5 บาท เมื่อมีการจ่ายบิลผ่านทางธนาคารดิจิทัลอีกด้วย

ข้อดีและข้อเสียของระบบ Online Banking

                 ระบบธนาคารดิจิทัลหรือ Online Banking นั้นมีข้อดี คือ ช่วยให้ลูกค้าสามารถโอนเงิน จ่ายค่าธรรมเนียม ชำระบิลค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก และธนาคารต่าง ๆ ได้มีการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น ทั้งการส่ง SMS และการส่งอีเมล์ส่วนตัวแจ้งรหัสเพื่อเป็นการยืนยันการทำรายการ หรือเป็นการแจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนที่จะมีการทำธุรกรรมทุกครั้งเพื่อให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามผู้ใช้บริการก็ต้องใช้งานระบบนี้ด้วยความรอบคอบ ไม่บอกรหัสส่วนตัวเพื่อเข้าใช้งานระบบให้ผู้อื่นทราบ หรือเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย โทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หาย ก็ต้องรีบระงับใช้บริการโดยเร็ว

จริงอยู่ว่าการใช้ระบบธนาคารออนไลน์นั้นมีข้อดีและช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินเป็นไปได้ด้วยความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น แต่หลายคนก็แอบหวั่นใจว่าหากทุกคนหันมาใช้ระบบดิจิทัลกันทั้งหมดแล้ว ในอนาคตตำแหน่งของเจ้าหน้าที่หรือพนักงานธนาคารจะมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน หรือการที่ธนาคารยอมขาดรายได้จากค่าธรรมเนียมก็เพราะมองเห็นถึงโอกาสของการลดภาระค่าจ้าง หรือการลดอัตราการจ้างงาน ที่สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากกว่าในอนาคต