การกลับมาของ Leeds United ในพรีเมียร์ลีก

ในที่สุดก็ถึงการกลับมาของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด (Leeds United) หลังหายไปจากพรีเมียร์ลีกอังกฤษนานถึง 16 ปี ของบาดแผลที่เจ็บปวดจาการที่สโมสรประสบปัญหาทางการเงิน ส่งผลให้ทีมดิ่งลงสู่ระดับที่สามของฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งได้รับการยืนยัน ไปพร้อมกับการแข่งขันสองนัดในฤดูกาล 2019 – 20 ที่เหลืออยู่

หลังจากทีมเวสต์ บอมวิช อัลเบี้ยน (West Bromwich Albion) พ่ายแพ้ให้กับฮัดเดอร์ฟีลด์ ด้วย 2-1 ประตู ทำให้สโมสรลีดส์ ยูไนเต็ดได้รับการรับรองว่าเป็นหนึ่งในสองอันดับแรกของการแข่งขันชิงแชมป์ ที่ได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นไปอยู่ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษโดยอัตโนมัติ

การรอคอย 16 ปี ที่แฟนบอลของทีมยูงทองรอคอย

ฤดูกาลที่แล้วลีดส์ตกลงไปอยู่ที่ดิวิชั่นสาม ก่อนที่จะพ่ายแพ้ในรอบเพลย์ออฟรอบสุดท้ายที่ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ ด้านกัปตันของทีมอย่างเลียม คูเปอร์ได้กล่าวว่า “สโมสรของเราแฟน ๆ และผู้เล่นของเราเสียสละมากเราอยู่ในความซบเซามา 16 ปีแล้ว” ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษลีดส์อาจเรียกตัวเองว่าเป็นหนึ่งในสโมสรโรงไฟฟ้าของพรีเมียร์ลีก เคยได้รับรางวัลสุดท้ายในนามลีก ตั้งแต่เมื่อปี 1992 ที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านั้นผู้เล่นจากลีดส์ ยังคงเป็นผู้เล่นหลักตลอดทศวรรษแรกในการแข่งขัน

ในช่วงต้นทศวรรษ 20 สโมสรมีนักเตะชาวออสเตรียคู่ที่มีพรสวรรค์  มีฟอร์มการเล่นที่ดี ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากชาวออสเตรียหลายคน อย่างไรก็ตามหลังจากที่สโมสรกำลังรุ่งโรจน์กับเสียงเชียร์รอบสนามในรอบรองชนะเลิศ แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 2001 และการแข่งขันพรีเมียร์ ลีกส์ในลำดับสาม เมื่อ 1999-2000 ก่อนเกิดความผิดพลาดอย่างรุนแรงในด้านการบริหารการเงิน ทำให้เกิดการล่มสลายอย่างเจ็บปวดของลีดส์ ต้องจำใจขายผู้เล่นดาวเด่นของทีมเช่น ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, อลัน สมิธ, โจนาธาน วู๊ดเกด, เอียน ฮาร์ท, อารอน เลนน่อน, จิมมี ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์, ลี โบว์เยอร์, มาร์ค วิดูก้า, พอล โรบินสัน เป็นต้น นับได้ว่าเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่งที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ

เพียงสามปีหลังจากรอบรองชนะเลิศของแชมป์เปี้ยนลีก สโมสรก็ถูกผลักไสหลังจากที่ถูกผูกมัดเอาไว้ด้วยเงินมากกว่า 180 ล้านดอลลาร์ ในการไขว่คว้าแชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้สโมสรต้องขายที่ทำการสโมสร Elland Road อันเป็นที่รักของพวกเขา เมื่อฝันร้ายและการรอคอยที่ยาวนานผ่านพ้นไปถึง 16 ปี ทีมที่หลงเหลืออยู่ก็ได้รับการคุมของอดีตกุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่า อย่างมาเซโล่ บิเอลซ่า ก็กลับเข้ามาอยู่ในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งหลังคว้าแชมป์อีเอฟแอล แชมเปี้ยนส์ชิป ท่ามกลางอาการยินดีของบรรดาแฟนบอลของทีมยูงทอง กลายเป็นความสำเร็จที่หอมหวานสำหรับสโมสรลีดส์เป็นอย่างมาก ที่เคยพลาดการเลื่อนชั้นเมื่อฤดูกาลที่แล้วในรอบตัดเชือก นับได้ว่าเป็นการกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีสมการรอคอยของแฟนบอลอย่างแท้จริง

ลิเวอร์พลูกับแชมป์พรีเมียลีก ประวัติศาสตร์แห่งการรอคอยในรอบ 30 ปี

เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2020 ที่ผ่านมา แฟนบอลโดยเฉพาะบรรดาเดอะ ค็อป เกือบทุกมุมโลกได้ลุกขึ้นมาเฮละโลโห่ร้องไปพร้อมกันด้วยความดีใจ หลังผลการแข่งขันของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี ที่เป็นรองจ่าฝูง พ่ายแพ้ให้กับสโมสรเชลซี ด้วยสกอร์ 1-2 ประตู ส่งผลให้ลิเวอร์พูลที่มีสถานะเป็นจ่าฝูงผงาดเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤดูกาล 2019/2020 ทันที

สิ้นสุดการรอคอยที่ยาวนาน 30 ปี

เมื่อขึ้นเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรก หลังจากที่ลิเวอร์พูลรอคอยวันนี้มายาวนานถึง 30 ปี ตั้งแต่ปี 1990 ทำให้ทีมหงส์แดงทำสถิติการความแชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษจำนวนสมัยมากที่สุดเป็นอันดับ 2 นั่นคือ 19 สมัย เป็นรองเพียงสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่มีสถิติครองแชมป์มา 20 สมัย ด้วยการรอคอยด้วยความอดทนอันแสนยาวนานของบรรดาแฟนบอลของลิเวอร์พูล จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ในวินาทีที่ผลออกมาว่าทีมอันเป็นที่รักได้ครองถ้วยรางวัลประวัติศาสตร์นี้ เหล่าบรรดาแฟนบอลต่างออกมาตะโกนโห่ร้องไปตามท้องถนนให้สมกับการรอคอย

การหลั่งไหล่ของผู้คนมากมายเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส แต่ก็ไม่ได้ทำให้แฟนบอลผู้มีความฮึกเหิมในหัวใจกลัวเกรงแม้แต่น้อย เพียงเวลาไม่นานบนถนนที่เคยเงียบสงัดก็ปรากฏธงที่มีสัญลักษณ์ของสโมสรโบกไปมาทั้งจากผู้คนที่อยู่บนพื้นถนน รวมไปถึงจากระเบียงและหน้าต่างบ้านเรือน มีการใช้พลุและดอกไม้ไฟจุดเพื่อแสดงความยินดีไปตามท้องถนน แน่นอนว่าจุดมุ่งหมายของการเฉลิมฉลองนั้นต้องอยู่ที่สนามแอนฟีลด์

บรรดาแฟนบอลหลายร้อยคนได้ปลดปล่อยความอัดอั้นจากมาตรการห้ามเข้าสนามของรัฐบาล ที่พยายามป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้เมื่อมีโอกาสได้ฉลองแชมป์ในรอบ 30 ปี ก็แทบจะไม่มีใครอยากพลาดการเป็นส่วนหนี่งของช่วงเวลาประวัติศาสตร์ไป แต่ก็เกือบเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อการฉลองในคืนที่ 2 แฟนหงส์แดงที่คึกเกินเหตุก็เกือบทำให้เกิดไฟไหม้ที่ตึกไลเวอร์ จนนายกเทศมนตรีของเมืองลิเวอร์พูลต้องออกมาขอร้องบรรดาแฟนบอลให้กลับบ้านเพื่อความปลอดภัย

การฉลองที่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ประเทศอังกฤษ

เพียงข้ามคืนการครองแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูดก็ได้สร้างปรากฏการณ์การเฉลิมฉลองแสดงความยินดีจากบรรดาแฟนบอลทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้า เพราะบรรดาแฟนบอลของลิเวอร์พูลก็แสดงความดีใจกัน ในแบบที่มีการจัดขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่อลังการเพื่อประกาศศักดาของทีมฟุตบอลที่รักมาอย่างยาวนาน

คงจะเห็นแล้วว่าความยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูล ที่นอกจะเป็นสโมสรฟุตบอลที่โด่งดังแล้ว ก็ยังเป็นศูนย์รวมความสำเร็จและแรงบันดาลใจของใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะด้วยประวัติศาสตร์ของทีม หรือจากตัวนักเตะที่มักเป็นแรงผลักดันให้เยาวชนจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างยาวนาน และเชื่อว่าในอนาคตทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลก็ยังจะสร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเองไปอีกยาวนาน