หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ยังเลื่อนลอย ไม่ได้วางแผนชีวิต หรือไร้การวางแผนทางการเงิน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ควรจะเริ่มทำ ยิ่งเริ่มทำเร็วยิ่งดีต่อตัวคุณ การวางแผนทางการเงินช่วยให้คุณรวยได้ ทำให้คุณรู้ถึงความสามารถในการใช้เงินได้อย่างดี ถ้าการวางแผนนั้นเป็นการวางแผนที่ดีและเป็นแผนที่ถูกต้อง แต่หากการวางแผนนั้นเป็นไปอย่างไม่ดี แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ช่วยให้คุณไม่เป็นหนี้ได้ เพราะการวางแผน การตรวจสอบสถานะภาพทางการเงินอยู่เสมอ เป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะไม่เช่นนั้น ภาวะการเป็นหนี้จะอยู่ใกล้ตัวคุณเป็นอย่างมาก
สัญญาณเตือนสภาวะการเป็นหนี้
หากคุณมีลักษณะการใช้เงินแบบที่จะกล่าวดังต่อไปนี้ แสดงว่าคุณเสี่ยงที่จะเป็นหนี้ในอนาคต หากไม่วางแผน หรือมีการจัดการที่ดี กับการใช้เงินของคุณในปัจจุบัน
- เริ่มหยิบเงินออมออกมาใช้จนเกินความจำเป็น เงินออมควรเก็บไว้สำหรับใช้ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ หากมีการหยิบเงินออมมาใช้ ถือเป็นสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ให้กลับมาทบทวนตัวเองว่า คุณใช้เงินเกินความสามารถที่จะหามาหรือไม่
- ผ่อนชำระหนี้เป็นแบบขั้นต่ำ การผ่อนขั้นต่ำอาจทำให้เกิดหนี้ที่สูงขึ้นตามมาในอนาคต เพราะอาจจะสร้างความเคยชินกับการเป็นหนี้ได้ อาจทำให้เกิดอาการ “เสียน้อยเสียมาก เสียยากเสียง่าย”
- ใช้เงินเดือนชนเดือน เงินที่ได้รับมาต้นเดือน เมื่อเวลาผ่านไปถึงกลางเดือนก็เห็นยอดเงินในบัญชีที่น้อยลง จนแทบจะไม่พอถึงปลายเดือนที่เหลืออีก 10 – 15 วัน
- เริ่มยืมเงินผู้อื่น หากไม่มีเงินออมหรือไม่มีเงินเก็บสำหรับกรณีฉุกเฉิน เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินต้องใช้เงินด่วน เช่นมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือพ่อแม่เข้าโรงพยาบาล จนต้องใช้เงินก้อนโต ทำให้ต้องหยิบยืมผู้อื่น
- ยืมเงินจากก้อนที่หนึ่งเพื่อไปใช้หนี้อีกที่หนึ่ง นั้นหมายถึงว่าคุณกำลังก่อหนี้เพิ่มขึ้น เนื่องด้วยดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งสองทาง
- มีบัตรเครดิตหลายใบ และมีจำนวนบัตรเพิ่มขึ้นเสมอ ๆ การจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต คือ การนำเงินอนาคตมาใช้ในการซื้อของ จ่ายก่อนแล้วหาเงินมาจ่ายภายหลัง หากมีวินัยในการชำระหนี้ ก็ถือเป็นการใช้บัตรในทางที่ถูก แต่หากวางแผนผิด อาจทำให้เกิดหนี้ก้อนโตได้ในอนาคต
หากคุณกำลังใช้ชีวิตตรงตามข้อใดข้อหนึ่งที่กล่าวมา ควรกลับมาตรวจสอบว่าคุณกำลังใช้เงินเกินความสามารถในการหาเงินหรือไม่ แนวทางที่วันนี้ขอนำเสนอมี 2 ข้อคือ
1.จดบันทึกรายรับรายจ่ายในแต่ละวัน เพื่อนำมาดูย้อนหลังว่า เงินของเราถูกนำไปใช้กับอะไรบ้าง สิ่งไหนเยอะที่สุด และสิ่งไหนสามารถลดได้บ้าง ในปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นหลากหลายตัวที่สามารถจดบันทึกและแสดงผลเป็นข้อมูลการใช้เงินให้ได้โดยง่าย
2.แบ่งเงินเป็นก้อนสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน เช่น ในแต่ละเดือนมีเงินสำหรับช้อปปิ้ง 10% ของเงินเดือนทั้งหมด 20% เป็นเงินเก็บออมสำหรับสร้างผลกำไร 20% ของเงินเดือนเป็นเงินออมสำหรับกรณีฉุกเฉิน 50% ของเงินเดือนเป็นเงินสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน
การวางแผนดี และรัดกุมในวันนี้ ต่อให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในอนาคต ก็สามารถจัดการได้อย่างสบาย ปลอดหนี้แน่นอน