มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯถกปัญหานักศึกษาเครียดเกิน อาจส่งผลเสียต่อสภาพจิตรุนแรง

เป็นที่ทราบกันดีว่าสังคมแห่งอเมริกันชนนั้นมีการแข่งขันที่สูงมาก จากสภาวะทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ ส่งผลให้สังคมอเมริกันเกิดการแข่งขันในตัวเอง เยาวชนและวัยรุ่นของอเมริกาจึงเร่งพัฒนาตัวเองไปตามสภาพสังคมที่บีบรัด การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยในอเมริกานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทุก ๆ คนอยากประสบความสำเร็จในการเรียนระดับมหาวิทยาลัย เพราะนี่เสมือนเป็นบรรทัดฐานแรกของความสำเร็จในชีวิตของสังคมอเมริกันไปแล้ว นั่นจึงทำให้เยาวชนรุ่นใหม่ของอเมริกาเต็มไปด้วยความเครียดและความกังวล ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากภาวะซึมเศร้าและการก่อความรุนแรงในโรงเรียนจนถึงขั้นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

คนที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ ก็คือคนที่เคยล้มเหลวในอดีต

จากปัญหาเรื่องความเครียดของนักศึกษาและเยาวชนในสหรัฐฯ นำมาไปสู่การจัดเสวนาหาทางออกในเรื่องนี้ขึ้นในมหาวิทยาลัย Bentley ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจในเรื่องนี้กันมากจนแน่นห้องประชุม ผู้เข้าเสวนาเป็นอาจารย์ท่านหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่เขาจะเข้ามาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ สมัยเขาฝึกงานเขาเองก็เคยเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทแห่งหนึ่งที่มีมูลค่า 21 ล้านดอลลาร์ต้องปิดตัวลงเพราะการกระทำของเขามาแล้ว ส่วนอาจารย์อีกคนก็กล่าวว่า ตัวเองก่อนมาเป็นอาจารย์ใครจะเคยรู้บ้างว่าตอนเป็นนักศึกษาเขาเองก็สอบตกวิชาสถิติ และจะต้องซ่อมอยู่หลายรอบ ส่วนผู้เข้าร่วมเสวนาอีกคนหนึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาโทก็กล่าวว่า เอาเองก็เคยมีพฤติกรรมการใช้ยาเสพติดระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยมาก่อน ซึ่งสิ่งที่ทุกคนกล่าวมานั้นทุกคนกำลังต้องการสะท้อนออกมาว่า “ความสำเร็จในตอนนี้ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากความผิดพลาดล้มเหลวด้วยกันทั้งสิ้น” ไม่เคยมีใครสมบูรณ์พร้อม 100% ทุกคนล้วนผิดหวังล้มเหลวมาก่อนทั้งนั้น ก่อนที่ชีวิตจะประสบความสำเร็จ

ในงานเสวนาครั้งนี้พยายามที่จะชี้ให้เห็นว่า ความล้มเหลวผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต และเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น ฉะนั้น จงมองความล้มเหลวเป็นดุจเพื่อนร่วมทางในชีวิต อย่าไปคิดวิตกมากจนเกินไปจนเกิดความเครียด เพราะถ้าเก็บความล้มเหลวมาเป็นปมในชีวิตจะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า เครียด และอาจนำไปสู่การหาทางออกที่ผิด ๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาบ่อยครั้งในอเมริกานั่นคือ การฆ่าตัวตาย ไปจนถึงการสังหารหมู่

ทุกมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯเตรียมรับมือเรื่องความเครียดของนักศึกษา

สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าสังคมอเมริกันนั้นมีความเครียดสูงก็คือ การให้มีแห่งสถานบันเทิงอย่างคาสิโนได้อย่างถูกกฎหมาย เพื่อให้คนได้มาผ่อนคลายไปกับเกมเดิมพันสนุก ๆ และในปัจจุบันก็เปิดกว้างมากขึ้นเป็นคาสิโนออนไลน์ให้คนจากทั่วโลกได้มีโอกาสเข้ามาวางเดิมพัน ในประเทศไทยเองแม้เรื่องการพนันยังไม่ถูกกฎหมาย แต่ก็มีผู้ให้บริการอย่าง VWIN เปิดให้บริการรับพนันกีฬาด้วย ซึ่งฐานการดูแลก็มาจากเครือข่ายในต่างประเทศมาตรฐานเดียวกันกับในอเมริกา การมีแหล่งความบันเทิงในแนวคาสิโนก็สะท้อนได้ชัดเจนว่าคนยุคใหม่ต้องการทำอะไรที่ท้าทายเพื่อระบายความอัดอั้นในตัวเอง นั่นจึงทำให้มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาหลายแห่งรวมตัวกันเพื่อหาทางออกร่วมกันในเรื่องนี้ เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ใหม่ของสังคมไม่เครียดหรือมีภาวะจิตที่ไม่ปกติ โดยบางมหาวิทยาลัยแทรกเรื่องนี้ลงไปในวิชาเรียน โดยเปิดเป็นวิชาเรียนใหม่คือ  ความรู้เกี่ยวกับการเป็นผู้ใหญ่ที่ดี บางมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมแปลก ๆ อย่างการฉลองความล้มเหลวให้กับนักศึกษา มีการแต่งเพลงและแต่งกลอนให้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าสังคมอเมริกันไม่ได้ละเลยผู้คนและเยาวชนของประเทศ ผู้ใหญ่ใส่ใจเด็กมากและพยายามจะแก้ไขปัญหาสังคมโดยการเริ่มต้นสร้างคนให้เป็นคนมีคุณภาพก่อน

ฉะนั้น อย่ามองข้ามความล้มเหลวผิดหวัง หากเรารู้จักที่จะแปรเปลี่ยนมันมาเป็นพลัง ความล้มเหลวก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวหรือเป็นเรื่องด้านลบของชีวิต ไม่เคยมีเคยสมหวังทุกประการอยู่แล้ว มองโลกในมุมที่งดงามเข้าไว้ชีวิตจะได้ไม่เครียดเกิน

ตู้ถุงยางอนามัยในโรงเรียน จำเป็นแค่ไหน?

                เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางอีกครั้ง ถึงประเด็นของการติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยไว้ในโรงเรียน เนื่องจากมีเครือข่ายผู้ปกครองเห็นต่างว่าการติดตั้งตู้ถุงยางอนามัยในโรงเรียน เป็นการส่งเสริมให้เด็กมีเพศสัมพันธ์ เป็นการชี้นำอย่างที่เรียกว่าเป็นการชี้โพรงให้กระรอกหรือไม่ ในขณะที่ความคิดเห็นในบางกลุ่มเห็นว่า การติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยเป็นสิ่งที่เหมาะสม เพราะเป็นการรณรงค์ให้เด็กรู้จักการป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่จะตามมาจากการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งโรคติดต่อและการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ซึ่งเป็นปัญหาในสังคมที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้

นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ

ความจริงแล้วประเด็นนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งนำเอามาถกเถียงกัน เพราะจริง ๆ แล้วเรื่องนี้ได้ถูกนำมาหยิบยกเป็นประเด็นที่หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการนำมาพิจารณากันไปแล้ว และสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการได้อนุญาตให้โรงเรียนต่าง ๆ สามารถติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยไว้ในโรงเรียนได้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 โดยหากโรงเรียนไหนต้องการติดตั้งก็สามารถดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องทำหนังสือมาสอบถามหรือขออนุญาตกระทรวงศึกษาธิการแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทางกระทรวงก็ไม่ได้มีนโยบายให้ทุกโรงเรียนต้องติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยเอาไว้ อีกทั้งสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังมีความเห็นว่าการติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยในสถานศึกษา เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยให้เยาวชนเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้องทางเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมได้ง่ายขึ้น โดยกรมควบคุมโรคได้ร่วมกับ สสส. ติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยในห้องน้ำชายของโรงเรียนอาชีวศึกษามาแล้วกว่า 200 แห่งตั้งแต่ปี 2557

ความคิดเห็นของประชาชนทั่วไป

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในประเด็นนี้ก็มีความแตกต่างกันไปโดยเฉพาะผู้ปกครองบางกลุ่มที่เกรงว่าจะเป็นการชี้นำและส่งเสริมมากกว่าป้องกัน ซึ่งความจริงแล้วเรื่องนี้ต้องทำควบคู่ไปกับการให้ความรู้และทำความเข้าในเรื่องเพศศึกษาให้เยาวชนทราบเสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อจะได้สามารถป้องกันปัญหาที่จะเกิดตามมาในอนาคตได้ ซึ่งการติดตั้งถุงยางอนามัยในโรงเรียน ก็เป็นเพียงหนึ่งในกลไกในการป้องกันปัญหาเท่านั้น อย่างไรก็ตามสำหรับข้อมูลสนับสนุนความคิดเห็นในกรณีนี้ ศูนย์สำรวจความคิดเห็นของ นิด้าโพลยังเคยทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรณีนี้ ซึ่งผลออกมาว่า ร้อยละ 63.9 เห็นด้วยกับการติดตั้งตู้ขายถุงยางอนามัยไว้ในโรงเรียนแต่อีกร้อยละ 36.1 ไม่เห็นด้วย

จะเห็นได้ว่าประเด็นนี้ถูกหยิบยกเอามาพูดในกันในหลาย ๆ ครั้ง ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันซึ่งก็ยังคงมีความคิดเห็นและถกเถียงกันด้วยความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าการติดตั้งถุงยางอนามัยในโรงเรียนจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร และสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้มากแค่ไหน หรือจะกลายเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรแทน