ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ

ว่ากันว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราพบปะเพื่อนฝูง เราอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่ม เป็นครอบครัว เราอยู่รวมกันในสังคม ระยะเวลาผ่านไปเกิดการพัฒนาของความสัมพันธ์โดยมีรูปแบบมากมาย โดยเป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการ การอยู่รวมกันของมนุษย์ การได้เป็นที่รัก การได้เป็นที่ยอมรับของคนที่เรามีความสัมพันธ์อันดีด้วย แต่การมีความสัมพันธ์เหล่านั้นดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเราจริงไหม

  1. ไม่มีความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ในเรื่องของความสัมพันธ์ ความเชื่อใจเป็นอีกส่วนสำคัญที่จะสามารถทำให้ความสัมพันธ์นั้นไปรอดได้ หากต่างฝ่ายต่างคอยระแวงกันและกันตลอดเวลา ไม่อาจเรียกได้ว่าความสัมพันธ์ที่มีอยู่นำความสุขใจมาให้
  2. มุกตลกที่ไม่ได้มีไว้เพื่อสร้างความสนุกสนาน จริงอยู่คนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบเป็นมนุษย์ต้นแบบที่ไร้ที่ติ เราย่อมรู้ดีว่าข้อดีของตัวเองคืออะไร ข้อเสียของตัวเองคืออะไร เรามีรูปร่างหน้าตาแบบไหน แต่การมีใครอีกคนอยู่เคียงข้าง คอยเอารูปร่างหน้าตาเรามาล้อเลียนเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่น หรือเอาข้อเสียของเรามาพูดซ้ำ ๆ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่เป็นผลดีต่อสุขภาพจิตของเรา ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่ทำให้ความภูมิใจในตัวเอง ( Self-esteem) ของอีกฝ่ายต่ำลง
  3. อีกฝ่ายเป็นผู้รับอย่างเดียว ไม่เคยทำอะไรเพื่อเราเลย ความสัมพันธ์อันดีก่อเกิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพื่อแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน แบ่งปันความสุขให้แก่กัน อยู่เคียงข้างซึ่งกันและกัน หากเราเป็นผู้ให้อยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่ได้รับอะไรกลับคืนเป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนเรามีสัตว์เลี้ยงมากกว่าการมีคนรักคือ เราให้เค้าทุกอย่าง เราช่วยเหลือ ไปรับไปส่ง แต่เค้าไม่สามารถและไม่อยากทำแบบเดียวกัน การที่เราพยายามบอกเขาว่าเราต้องการอะไรในความสัมพันธ์เป็นเรื่องไม่มีประโยชน์เพราะอีกฝ่ายยังไงก็ไม่สนใจอยู่ดี
  4. มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งในเรื่องของร่างกายและจิตใจ โดยพื้นฐานของมนุษย์ที่สุขภาพจิตดีและมีสติอยู่กับตัวเองครบถ้วน เราจะไม่ทำร้ายตัวเอง เราจะไม่ทำร้ายคนอื่น และสิ่งมีชีวิตอื่น ไม่ว่าจะเป็นร่างกายและจิตใจ หากในความสัมพันธ์เกิดการทำร้ายกันเกิดขึ้น เช่น แฟนของเราชอบพูดจาดูถูก ถากถางเราตลอดเวลา ชอบใส่ร้ายและว่าร้ายเรา เราคงต้องกลับมานั่งถามตัวเองแล้วว่า เราอยากจะมีมนุษย์คนนึงที่คอยตามเราไปทุกที่เพื่อพูดจาให้เราเจ็บช้ำน้ำใจตลอดเวลาไปทำไม คำถามไม่ใช่ว่า เขาทำร้ายเราทำไม คำถามคือ ทำไมเรายอมให้เขาทำร้ายเราซ้ำ ๆ เจ็บแต่ไม่จำ
  5. ใครคือคนผิด ทุกครั้งที่เกิดเรื่องอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ต่างฝ่ายต่างพยายามหาคนผิด ต่างโยนความผิดกันไปมา การโต้เถียงดูเหมือนว่าจะไม่มีวันจบสิ้น หาทางออกให้กับปัญหาไม่เจอ เพราะต่างฝ่ายต่างเชื่อว่าความผิดทั้งหมดเป็นของอีกคน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบคู่รัก ความสัมพันธ์แบบเพื่อน ลูกน้องกับเจ้านาย การหาคนผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อต่อว่าอีกฝ่ายให้หนำใจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด หากอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้นับวันยิ่งเหนื่อยล้าใจ

ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวมาหากคนรักหรือคนที่มีความสัมพันธ์ด้วยเป็นมันคือสิ่งที่ไม่น่ารัก และมีเหตุผลร้อยล้านเหตุผลที่เรายังอยากอยู่กับคนรัก เพื่อน หรือคนในครอบครัวคนนี้อยู่ เราต้องหันหน้าคุยกันว่าเรารู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้อาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยให้เราสามารถผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน