รู้จักกับ อากิระ นิชิโนะ โค้ชญี่ปุ่นคนแรกที่พาฟุตบอลทีมชาติไทยก้าวไกล

หากใครที่ติดตามวงการฟุตบอลทีมชาติไทยมาโดยตลอด คุณคงจะพอสังเกตได้ว่าทีมชาติไทยได้จ้างโค้ชต่างประเทศมาหลายต่อหลายประเทศ ซึ่งจุดมุ่งหมายก็มีเพียงสิ่งเดียวคือการสร้างความเก่งกาจให้กับนักเตะลูกหนังทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ เยอรมัน บราซิล แต่ละชาติที่จ้างมาก็ล้วนแล้วแต่เป็นชาติที่ขึ้นชื่อว่าเก่งเรื่องฟุตบอลด้วยกันทั้งสิ้น แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ทีมชาติไทยเริ่มเปลี่ยนจากการเลือกโค้ชแถบประเทศตะวันตกเป็นโค้ชจากทวีปเอเชีย เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะว่า โค้ชเอเชียเข้าใจสรีระของนักเล่นฟุตบอลทีมชาติไทย พื้นความรู้และรูปแบบการครองเกมก็เข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี รวมถึงโค้ชคนล่าสุด นิชิโนะ อากิระ ที่แม้จะครองตำแหน่งโค้ชมาไม่นาน แต่กลับดึงกระแสความสนใจจากคนรักบอลไทยเป็นอย่างยิ่ง

กว่าจะก้าวมาเป็นโค้ชทีมชาติไทย นิชิโนะ อากิระ ผ่านอะไรมาบ้าง

นิชิโนะ เริ่มต้นบทบาทของการเป็นโค้ชด้วยการคุมทีมชาติญี่ปุ่นรุ่นเยาวชน ซึ่งเขาก็สามารถพิสูจน์บทบาทการคุมทีมได้เป็นอย่างดี ผลงานที่สร้างชื่อให้กับเขามาจากการคุมทีมชาติญี่ปุ่นรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ก็คือการเอาชนะทีมสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ สำหรับการชิงที่ 3 ของเกมส์การแข่งขันฟีฟ่า เวิลด์ ยูธ แชมเปียนชิพ 3 – 0 คว้าเหรียญทองแดงจากการแข่งขันกลับมา แม้เขาจะสามารถทำหน้าที่โค้ชทีมเยาวชนญี่ปุ่นต่อไปได้ แต่นิชิโนะกลับเลือกที่จะคุมทีมชาติรุ่นใหญ่เพื่อเก็บประสบการณ์ จนกลับมาคุมทีมเยาวชนอีกครั้ง ครั้งนี้เขาสามารถพาทีมเยาวชนญี่ปุ่นเอาชนะบราซิลไป 1 – 0 ชื่อของเขาถูกจารึกในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลญี่ปุ่น จากนั้นเขากลับเปลี่ยนเส้นทางไปคุมทีมสโมสรในญี่ปุ่นแทน ต่อมาชีวิตโค้ชของเขาก็ได้พาเขากลับมาคุมทีมชาติญี่ปุ่นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาพาญี่ปุ่นเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ของฟุตบอลโลก 2018 และล่าสุด เขาได้เซ็นสัญญากับทีมชาติไทยโดยคุมทั้งทีมชาติชุดใหญ่และทีมชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี

สร้างผลงานเลื่องชื่อไทยเอาชนะสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ครั้งแรกในรอบ 15 ปี

จากผลงานล่าสุดที่ทีมชาติไทยเอาชนะสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ 2 – 1 จนเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม จี จากการคัดเลือก 16 ทีมสุดท้ายเข้าสู่บอลโลก 2022 ความน่าทึ่งของสถิตินี้คือเป็นครั้งแรกในรอบสิบห้าปีที่ไทยเราเอาชนะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ โดยครั้งล่าสุดนั้นเกิดในปี 2004 เรียกได้ว่า จากผลงานครั้งนี้เองที่ทำให้แฟนบอลหลาย ๆ คนชื่นชม

ต้องบอกเลยว่าเส้นทางของโค้ชผู้นี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และที่สำคัญผลงานของความสำเร็จล้วนแล้วแต่มาจากความพยายาม มุ่งมั่นและเอาใจใส่ทั้งสิ้น เราในฐานะแฟนบอลทีมชาติไทยที่อยากลุ้นให้บอลไทยไปไกลถึงบอลโลกก็คงได้แต่เอาใจช่วยว่านิชิโนะ อากิระจะทำได้สำเร็จในครั้งนี้

นิติพงษ์ เสลานนท์ หนุ่มนักเตะที่หลาย ๆ คนจับตามอง

ต้องบอกกันก่อนเลยว่า ทีมชาติไทยภายใต้การนำของโค้ชนิชิโนะ อากิระ เป็นทีมชาติไทยที่แฟนบอลภาคภูมิใจอย่างมาก นอกจากความเก่งกาจจนหลาย ๆ คนยกนิ้วให้แล้ว นักบอลทุกคนเองยังมีทั้งทักษะทางการเล่นบอลที่ไม่ว่าใครได้ชมต่างก็รู้สึกชื่นชอบนั่นเอง และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนึ่งในนักเตะที่มีบทบาทในการทำประตูของเกมทีมชาติไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ก็คือหนุ่มนักเตะแข้งทอง นิติพงษ์ เสลานนท์

หนุ่มนักเตะที่ยึดตำแหน่งแบ็คขวาอย่างคงเส้นคงวา

หากใครที่ติดตามวงการฟุตบอลไทย คงจะรู้จักกับนิติพงษ์ เสลานนท์ ในฐานะของแบ็คขวาของทีมสระบุรี เอฟซี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และการท่าเรือ ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาของเขา ทำให้แฟนบอลรู้จักกับเขาเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลาย ๆ คนต่างรู้คือนิติพงษ์มักถูกมองข้ามให้ลงทีมชาติไทย ซึ่งที่เขาถูกมองข้ามนั้นเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมา ชั่วโมงบินของเขายังน้อยอยู่บวกกับนักเตะตำแหน่งแบ็คขวานั้นมีหลายตัวเลือก หรือหากจะพูดอีกทีอาจเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาของนิติพงษ์ก็ได้ แต่ถึงแม้จะยังไม่ใช่วันของเขา แต่นิติพงษ์เองก็ยังตั้งอกตั้งใจเดินทางในเส้นทางสายฟุตบอล ด้วยความรักในอาชีพของตนเอง และรอว่าสักวันหนึ่ง จะมีคนที่ไม่มองข้ามความเก่งของเขาไป

การมาถึงของนิชิโนะ อากิระ

ด้วยผลงานของเขาที่โดดเด่นกับการเล่นให้กับสโมสรการท่าเรือ ทำให้แฟนบอลเริ่มจับตามอง และมีกระแสเรียกร้อง ต้องการให้นิติพงษ์ ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ วันเวลาที่เขารอคอยมาถึงในที่สุด เพราะการมาถึงของนิชิโนะ อากิระ นั่นเอง นิติพงษ์ ถูกคัดชื่อเข้ามาติดทีมชาติไทยชุดคัดเลือกฟุตบอลโลก ในโซนเอเชีย ซึ่งสองเกมแรก นิติพงษ์ยังไม่ได้ลงสนาม แต่ในเกมที่ไทยเล่นกับคองโก นิติพงษ์ก็ได้เล่นจนจบเกมเลยทีเดียว แม้ว่าเกมที่เขาได้ลงเล่นจะเป็นแค่เพียงเกมอุ่นเครื่อง แต่เขาก็พยายามทำอย่างเต็มที่ โดยเขาสามารถเปิดบอลได้หลายครั้ง และในที่สุดเขาก็ได้รับโอกาสในเกมที่ไทยเจอกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ ที่นิชิโนะ อากิระตัดสินใจเลือกนิติพงษ์เป็นแบ็คขวา ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โดยในนาทีที่ 51 เขาเองได้เปิดบอลจากฝั่งขวา ให้เอกนิษฐ์ ปัญญา ยิงเข้าประตู ทำให้ไทยเป็นฝ่ายชนะ

จะเห็นได้ว่าโอกาส ไม่ได้มาถึงง่าย ๆ สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการอดทนรอคอยจนกว่าจะถึงวันที่ใฝ่ฝัน ในวัย 26 ปีของนิติพงษ์ หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าเขาหมดโอกาสที่จะโด่งดังในทีมชาติไทยชุดใหญ่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้เอาคำสบประมาทมาเป็นอุปสรรคให้ฟอร์มการเล่นตกลงไป ตรงกันข้าม เขายังทุ่มเททำสิ่งที่เขารัก จนวันนี้เขามาถึงจุดที่ตัวเองใฝ่ฝัน

ดาวรุ่งของนักเตะทีมชาติไทย…เอกนิษฐ์ ปัญญา

หากใครที่ติดตามข่าวสารวงการกีฬาคงจะเห็นกันแล้วว่า ทีมชาติไทยโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นจากเกมแข่งขันกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ โดยสามารถเอาชนะทีมชั้นนำของเอเชียได้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความสำเร็จของทีมชาติไทยนี้ นอกจากจะเป็นเพราะฝีมือการคุมทีมของนิชิโนะแล้ว ยังมาจากฝีมือของดาวรุ่งทีมชาติไทยอย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญานั่นเอง เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร มาจากไหน หลาย ๆ คนคงจะเริ่มสงสัยกันแล้วใช่หรือไม่ วันนี้เรามาดูไปพร้อม ๆ กัน

จากเด็กหนุ่มจังหวัดเชียงราย มาเป็นนักเตะทีมชาติไทย

ใครจะรู้เลยว่า เอกนิษฐ์ ปัญญา ดาวเด่นจากเกมของทีมชาติไทยพบกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์นั้นมีบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงราย เขาเติบโตมาในจังหวัดเล็ก ๆ เหนือสุดของประเทศ พ่อแม่ทำอาชีพร้านก๋วยเตี๋ยว ที่เป็นรายได้หลักของทางบ้าน ซึ่งตัวเขาเอง นอกจากจะช่วยที่บ้านแล้ว ก็ยังใช้ฟุตบอลเป็นงานอดิเรก เป็นเพื่อนแก้เหงา และเป็นแรงบันดาลใจ เขาสามารถเข้าเรียนที่โรงเรียน อบจ. เชียงรายได้ก็เพราะว่าใช้โควตานักฟุตบอลนั่นเอง หลังจากนั้นเขาก็พยายามพัฒนาฝีมือเพื่อให้เข้าไปเล่นในทีมสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งในที่สุดก็ทำสำเร็จและสามารถเป็นหนึ่งในรุ่น U – 14 ได้ ซึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้เขามีความมุ่งมั่นก็คืออันเดรส อิเนียสต้านั่นเอง

ความสามารถของเขามากเกินวัย เพราะเขาสามารถเข้าสู่ทีมของจังหวัดเชียงรายด้วยวัยเพียง 15 ปี และเขายังเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่สามารถสร้างสถิติใหม่ในการยิงประตูของไทยลีกได้อีกด้วย ซึ่งในตอนนั้นเขาอายุเพียง 15 ปี 11 เดือน เป็นเกมการเล่นระหว่างเชียงรายกับเอสซี เมืองทองในปี 2015

ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ในวัย 19 ปี

ด้วยผลงานอันโดดเด่นและน่าสนใจของเขา ทำให้โค้ชอย่างนิชิโนะ อากิระเล็งเห็นถึงศักยภาพ และทำให้เขาได้เข้ามาอยู่ในทีมชาติชุดใหญ่ด้วยอายุ 19 ปี แรกทีเดียว หลายคนมองว่าโค้ชต้องการให้เขามาเก็บประสบการณ์แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทว่าดาวรุ่งอย่างเอกนิษฐ์กลับมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ และในนัดที่ชนะสหรัฐอาหรับ เอมิเรตต์ เขาก็เป็นคนสำคัญที่ทำประตูให้กับทีมชาติไทยและคว้าชัยชนะมาสู่ประเทศไทยได้ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าจะสามารถเป็นคนยิงประตูในทีมชาติชุดใหญ่ได้ หลังจากจบเกมนี้ก็ทำให้แฟนบอลไทย กล่าวขานถึงชื่อของเขาและยกนิ้วให้กับฝีมือที่เกินอายุ

ด้วยอายุที่ไม่มาก บวกกับฝีเท้าที่สามารถไปได้ไกล พร้อมกับความมุ่งมั่นของเอกนิษฐ์ทำให้หลาย ๆ คนเชื่อมั่นว่าหลังจากนี้เขาจะเป็นดาวเด่นของทีมชาติ และจะเป็นหนึ่งในนักเตะตัวหลักของทีมชาติไทยอย่างแน่นอน ซึ่งเราเองในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็ให้กำลังใจหนุ่มนักเตะคนนี้ได้ง่าย ๆ ด้วยการตามเชียร์ทุกนัดของเขานั่นเอง

เหลือเชื่อ ! ฟุตบอล ‘ทีมชาติไทย’ แพ้แม้ ‘อินเดีย’

เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ที่ประเทศซึ่งตีคริกเก็ตเป็นกีฬาหลักอย่าง ‘อินเดีย’ จะบุกมาจัดการ ‘ทีมชาติไทย’ ได้ถึงบ้านในรายการ King Cup 2019 ยิ่งสะท้อนให้เห็นการเล่นของศึกช้างศึกไทยในยุคนี้ และยิ่งถ้านับรวมความพ่ายแพ้ต่ออินเดีย 4-1 ก่อนหน้านี้ในศึก Asian Cup รวมถึงการแพ้คู่แข่งตลอดกาลอย่างเวียดนาม แบบเละคาบ้านก็ยิ่งกลายมาเป็นเครื่องตอกย้ำความย่ำแย่ของทีมชาติไทย ให้บาดลึกเข้าไปอีก คำถามสำคัญคือ อะไรที่พาทีมไทยมาถึงจุดนี้ได้ ?

รับไม่ได้

ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ที่ทีมชาติไทย สามารถดำเนินไปได้ดีในยุคของ ‘โค้ช ซิโก้ เกียรติศักดิ์’ ที่เขาสามารถพาทีมผ่านเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกรอบ 12 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แต่ก็มาพ่ายแพ้ให้กับซาอุดิอาระเบียถึง 3-0 อีกทั้งยังบุกไปแพ้ญี่ปุ่น 4-0 ทำให้ ‘พล.ต.อ.สมยศ’ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยรับไม่ได้ ทำให้โค้ชซิโก้ประกาศสละตำแหน่ง และจากจุดนี้นี่เองที่ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการหลงทางครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลไทย และเกิดการพ่ายแพ้อย่างที่เห็น

เลือกโค้ชแบบไม่ใส่ใจ

เมื่อตำแหน่งว่าง สมาคมเลือกใช้วิธีเปิดรับสมัครแบบไร้การวางแผน ทำให้กุนซือว่างงานจากทั่วโลก เดินทางมาสมัครกันมาก แต่คนที่ไปโดนใจประธานฝ่าย คือ ‘มิโลวาน ราเยวัช’ กุนซือชาวเซอร์เบียมีดีกรี เพราะเคยพา Ghana เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในการแข่งขันฟุตบอลโลก

‘มิโลวาน ราเยวัช’ ไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง

‘มิโลวาน ราเยวัช’ สั่งให้นักเตะทั้งทีมลงไปกองแถวหน้าประตูตัวเอง แต่สุดท้ายก็แพ้แม้ว่าจะเสียประตูไม่ค่อยมากก็ตาม ซึ่งต่อมา ราเยวัช ได้ต่อสัญญาทำให้เขารับเงินก้อนใหญ่ตอนโดนไล่ออก สำหรับสาเหตุของการออกของ ราเยวัช คือ การทำให้ทีมไทยตกรอบตัดเชือกศึก AFF Suzuki Cup 2018 โดน อินเดีย ถล่มอย่างยับเยิน 4-1 ทำให้เขาโดนปลดกลางอากาศในทันที

ยังไม่เห็นความหวังใหม่

การมารับงานอย่างกะทันหันของ ‘โค้ชโต่ย ศิริศักดิ์’ ทำให้ทีมชาติไทยยังดี ๆ ทรุด ๆ ถึงแม้เขาจะสามารถพาทีมเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายใน Asian Cup หากแต่ความพ่ายแพ้อย่างน่าอดสู แก่ทั้ง อินเดีย และ เวียดนาม ก็ทำให้อนาคตของทีมไทยดูมืดมนลงไปกว่าเดิม นอกจากนี้อีกปัจจัยหนึ่ง คือ การพัฒนาตัวเองอย่างเต็มฝีเท้าของ เวียดนาม คู่แข่งเพื่อนบ้านซึ่งสามารถทำผลงานได้ดีในเวทีระดับ ASIA ราวกับดาวที่กำลังจะระเบิดแสง ส่งผลให้แน่นอนว่า หลังจากนี้จะทำให้ ทีมชาติไทยต้องประสบพบเจอกับความกดดันอย่างแน่นอน

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าทีมชาติไทยกำลังเจอกับปัญหาหนัก ซึ่งก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถพลิกเกมกลับขึ้นมาคว้าชัยชนะได้อีกหรือไม่ อย่างไรก็ต้องจับตามองกันต่อไป โดยเชื่อว่าถ้าทุกคนมุ่งมั่นและตั้งใจสู้กับการแข่งขันฟุตบอลจริง ๆ ก็ยังพอมีหวังอย่างแน่นอน